GRAN TURISMO

แนว : Drama / Racing

กำกับโดย Neill Blomkamp 

บทภาพยนตร์โดย: Jason Hall และ Zach Baylin สร้างจากวิดีโอเกม PLAYSTATION STUDIOS

แสดงนำโดย :   David Harbour / Orlando Bloom / Archie Madekwe/ Darren Barnet / Geri Halliwell Horner/ Djimon Hounsou

อำนวยการสร้างโดย  Kazunori Yamauchi / Herman Hulst / Jason Hall/Matthew Hirsch

ผลิตโดย :  PLAYSTATION STUDIOS / Sony Pictures Entertainment

กำหนดฉาย 31 สิงหาคม 2023

สร้างจากเรื่องจริงที่สร้างแรงบันดาลใจของความฝันที่เป็นไปไม่ได้ ของ “ยานน์ มาร์เดนโบโรห์” (แสดงโดย Archie Madekwe)  ผู้เข้าร่วม GT Academyในชีวิตจริงที่จะชนะการแข่งขันและกลายเป็นนักขับมืออาชีพ

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวการเติมเต็มความปรารถนาของผู้เล่น Gran Turismo เมื่อเหล่าวัยรุ่นผู้มีทักษะการเล่นเกม ได้เอาชนะการแข่งขันรายการ Nissan เพื่อเทิร์นโปรเป็นนักแข่งรถมืออาชีพ ภายใต้แนวคิด

“ถ้าคุณพลาดในเกม คุณเริ่มใหม่ได้ แต่ถ้าพลาดในชีวิตจริง คุณอาจตายได้”

 การฝึกฝนอย่างเข้มข้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เนื่องจาก ยานน์ ยังต้องทนต่อการต่อต้านจากคู่แข่งรายอื่นๆ โชคดีที่ดูเหมือนว่าเขาจะมีส่วนเคล็ดลับสู่ความสำเร็จ นั่นคือ “การแข่งรถบนเส้นทางเดียวกันเป็นพันๆครั้งในเกม” จดจำได้ทุกมุม ทุกเหลี่ยมอย่างมีชั้นเชิง

 “ยานน์ มาร์เดนโบโรห์”  ตัวจริง และ  Archie Madekwe ที่แสดงเปน “ยานน์ มาร์เดนโบโรห์” 

REVIEW

Gamer to Racer … ชีวิตจริงยิ่งกว่าในเกม!

ตอนแรกสงสัยอย่าง คือ “หนังมันจะเอาอะไรมาเล่า?” เพราะตัวอย่าง เรื่องย่อ ไปจนถึงความสำเร็จจริงของ “ยานน์ มาร์เดนโบโรห์” ก็สามารถหาอ่านได้ในอินเตอร์เนต…

แต่ถ้าคุณได้ตีตั๋วเข้าไปดูก็จะพบว่า หนังได้ใส่มิติของตัวละครเชิงลึกได้น่าสนใจ และมีการ Develop ตัวละครที่ดีมากๆ พร้อมฉากอัดรถในสนามที่สนุกเร้าใจมากๆเรื่องนึง

แก่นสาระของหนัง ตีคลุมแบบรวบรัดง่ายๆคือ ไอเดียจากบริษัท NISSAN ต้องการสร้างแรงบันดาลใจเพื่อกระตุ้นยอดขายรถในเครือ ทำให้ผุดไอเดีย ดึงเอา คนเล่นเกม ที่ไม่รู้ว่าหลังพวงมาลัยจริงนั้นมันมากกว่าการสั่นของมอเตอร์อนาล๊อก หรือการโยกของเก้าอี้เกมมิ่ง มาสู่การเป็นนักแข่งจริง มันคือการตลาดที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงที่ข้ามเส้น ระหว่าง สื่อบันเทิง และ การทุ่มเทชีวิตเพื่อชัยชนะในวงการมอเตอร์สปอร์ต และหนังได้ใส่สีตีไข่บางอย่างเพื่อความเป็นภาพยนตร์ขึ้นจอ มันดูสนุก ตื่นเต้นเร้าใจ ซึ่งทำออกมาได้ดีมากๆ

ตัวหนังรักษาบาลานซ์และจังหวะการเล่าเรื่องสไตล์หนัง Coming of Age ที่สร้างแรงบันดาลใจฟีลกู้ด หัวใจพองโต แต่บางจังหวะหนังก็เลือกที่จะจับอีกมุมมานำเสนอ กับสิ่งที่เรียกว่า “ความเสี่ยง” และ “ราคาที่ต้องจ่าย” ที่เต็มไปด้วยความกดดัน ความเครียด เศร้าเคล้าน้ำตา สลับกันไปเป็นระยะๆ…เพื่อถ่ายทอดว่า

“ชีวิตคนเรามันไม่ได้มีความสุขอย่างเดียว และ ไม่ได้ทุกข์ขมระทมใจตลอดเวลาเช่นกัน”

ผลงานการสร้างสรรค์ของ Neill Blomkamp ที่เคยผ่านงานอย่าง District 9 / Chappie / Elysium ที่ได้รับคำชมในแง่หนังไซไฟมันส์ๆ ที่เล่นกับระดับอารมณ์ของเรื่องราว ถูกนำมาปรับใช้กับการถ่ายทอดหนังจากเกม GT เรื่องนี้ให้มีความน่าติดตามทุกช่วง

ตั้งแต่เรื่องราวธรรมดาของเด็กติดเกมที่มีความฝัน ดราม่าครอบครัว ไล่ระดับไปจนถึงวันที่เขาขึ้นมาเป็น นักแข่งรถ ที่คนทั้งวงการต่างพากันส่ายหน้า เพราะไม่มีใครยอมรับในตัวตน “เกมเมอร์” ใน “สนามแข่งจริง” ที่ทุกวินาที ขับเคี่ยวและเอาชีวิตมาเดิมพันในสนามแข่งรถ พร้อมๆกับการเป็นชีวิตที่พร้อมจะมีทัวร์มาลงตลอดเวลาเมื่อคุณ “ทำพลาด”  จุดนี้อารมณ์ร่วมมาเต็มและมันสนุกมากๆมี หัวเราะ มีร้องไห้ มีหวาดกลัวเป็นธรรมดามนุษย์โลก

พลังของนักแสดงในเรื่อง แอดฯขอยกให้ 2 คน คนแรกคือ

“เดวิด ฮาร์เบอร์” (จาก Stranger Things)  คนนี้เล่นเป็น “แจ๊ค” นักขับรถแข่งรุ่นเก๋าปากแซ่บ ที่เป็นตัวละครที่ทำให้ตัวเอกได้ขับเคลื่อนไปข้างหน้า ในฐานะอาจารย์ที่เข้มงวด เป็นตัวละครที่มีปมกับการแข่งรถ พร้อมสื่อถึงมิตรภาพของคนสองวัย ที่ต้องมาทำงานร่วมกัน และในช่วงท้าย คือการปลดปล่อยพลังของนักแสดงหุ่นหมีรายนี้ที่ทำให้เราเชื่อเหลือเกินว่าเขาเป็นโค้ชจอมเก๋า ที่สามารถหลั่งน้ำตาในยามที่พาศิษย์รักข้ามเส้นไปถึงฝั่งฝันได้จริงๆ

อีกคนคือ “จีมง อุนซู” (Djimon Hounsou -ไม่ได้อ่านว่า ดิจิม่อนแต่อย่างใด) คนนี้เล่นเป็นพ่อพระเอก พ่อที่เหมือนพ่อทั่วๆไปที่เห็นลูกวันๆเอาแต่เล่นเกม สีหน้าของตัวละครพ่อ จึงเต็มไปด้วยความรู้สึกเหนื่อยหน่าย และไม่อยากเห็นลูกที่มีความฝันเกินตัว เกินฐานะที่พ่อแม่จะช่วยสนับสนุนได้ ในระดับชนชั้นกลางค่อนไปทางล่างของอังกฤษ เพราะถ้าลูกไปไม่ถึงฝัน พ่อแม่ก็พลอยผิดหวังเจ็บปวดไปด้วย

แต่สิ่งที่ตัวละครนี้ได้ “ปล่อย” ออกมาในช่วงท้าย คือ อารมณ์ที่เปรียบเสมือน “กุญแจ” ปลดล๊อดหลายๆอย่าง และทำให้หนัง ทำหน้าที่พาคนดูเข้าไปสู่ไคลแม็กซ์ที่พร้อมจะพุ่งชนกับปัญหาต่างๆที่เข้ามา

ถือเป็นอีกหนึ่งพลังการแสดงของน้าดิจิม่อน คนนี้ ที่เราเคยเห็นบทร้ายๆในหนัง FAST7 แต่กับเรื่องนี้ เราก็ได้เห็นเขาเล่นเป็นคุณพ่อที่รักลูก และแบกความรู้สึกผิดที่สนับสนุนลูกไม่ได้เท่าที่ควรเพราะฐานะเอาไว้ตลอดเวลาได้ดีมากๆ

ในส่วนของงานโปรดัคชั่น ตัวหนังได้เลือกเอาทีมงานเกม GT มาร่วมสร้างฉากสนุกๆในเรื่องหลายช๊อตมากๆ  ซึ่งจากที่แอบไปได้ยินมาจากหลายคนที่ไปดู (แล้วไม่ได้เล่นเกม)  อาจจะมองว่า CG โคตรจะลอย ดูไม่น่าใช่ภาพจริง ดูขัดๆกับภาพหนัง แต่ถ้าเป็น คอเกม จะเข้าใจในสิ่งที่หนังเลือกภาพที่สร้างโดยเอนจิ้นเกม GT มาตัดสลับอารมณ์กับภาพจริง เพราะผู้สร้างต้องการถ่ายทอด ภาพในหัวของยานน์ ผู้มี “เกม” เป็นโลกทั้งใบของเขา และเป็นคนที่เข้าใจในโลกทัศน์นั้นเป็นอย่างดีนั่นเอง

“ยานน์ มาร์เดนโบโรห์”  ตัวจริง มาเล่นเป็นสตั๊นท์ให้พระเอกของเรื่อง…ที่แสดงเป็นตัวเขาอีกที

และยิ่งถ้าใครชื่นชอบรถในระดับเข้าเส้น โดยเฉพาะสาย NISSAN GTR  ก๊อตซิล่าแดนซามูไร คุณจะฟินจนตัวแตก กับเสียงท่อ เครื่องยนต์ ดิสเบรกแบบเต็มสองหู ของ  Nissan GT-R Nismo GT3  ทีมงานเก็บเนี้ยบจัด รวมไปถึงรถซูเปอร์คาร์แบรนด์ดังๆหลายๆรุ่น ก็มีมาเสิร์ฟให้คนรักรถได้เห็นความหวือหวาในสนามแข่ง พร้อมมุมกล้องที่มีสไตล์ถอดแบบมาจากมุมกล้องในเกม GT (พร้อมเอามายันอินเตอร์เฟซ UI อ่ะ) เหมือนเรากำลังนั่งเล่น PS5 ในจอหนังใหญ่ในหลายๆซีนเลยก็ว่าได้

“ยานน์ มาร์เดนโบโรห์”  ตัวจริง กับรถที่ใช้ในศึก “เลอมัง” การแข่งรถ 24 ชม.ของฝรั่งเศส อันเป็นหนึ่งในอีเว้นท์สร้างชื่อของเจ้าตัว ที่หนังนำมาถ่ายทอด และทำออกมาได้สนุกมากกกกก

ตัวหนังเดาทางง่าย เพราะเรารู้ปลายทางของเรื่องราวแล้ว

แต่ระยะทาง ระหว่างการนำเสนอนี่สิ…เร้าใจมากๆ 

ภาพ เสียง  ครบเครื่อง เป็น 2 ชั่วโมงที่ไม่รู้สึกเบื่อเลย

อยู่ในเกณฑ์ที่ “เกมเมอร์ต้องชอบแน่ๆ และ คนทั่วไปน่าจะชอบไม่ยาก” ครับ!

แอดมิน AK47

#GranTurismo #SonyPictures #OrlandoBloom #DavidHarbour #ArchieMadekwe  #DjimonHounsou #NeillBlomkamp #JannMardenborough #Sony #PlayStation #PlayStationStudios #SonyInteractiveEntertainment