Mission : Impossible – The Final Reckoning –

เข้าฉาย : 22 พฤษภาคม 2025

แสดงนำ : Tom Cruise, Hayley Atwell, Ving Rhames, Simon Pegg, Vanessa Kirby, Esai Morales

ชีวิตเราคือผลรวมของสิ่งที่เราเลือก Mission: Impossible – The Final Reckoning มิชชั่น: อิมพอสซิเบิ้ล – ปิดปฏิบัติการล่าพิกัดมรณะ

Mission: Impossible – The Final Reckoning เป็นภาพยนตร์แนวสายลับแอคชั่น สัญชาติอเมริกัน กำกับโดย Christopher McQuarrie จากบทภาพยนตร์ที่เขาร่วมเขียนกับ Erik Jendresen เป็นภาคต่อโดยตรงจาก Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One (2023)

แม้จะคงคำว่า “Reckoning” ไว้เหมือนกับชื่อภาคก่อน แต่การเพิ่มคำว่า “Final” เข้ามาก็บ่งบอกเป็นนัยๆ ว่านี่จะเป็นภารกิจสุดท้ายของอีธาน ตัวนักแสดง และผู้อำนวยการสร้างอย่าง  Tom Cruise ตั้งใจที่จะทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นบทสรุปอันยิ่งใหญ่ของแฟรนไชส์ภาพยนตร์ Mission : Impossible 

เรื่องราวการทำภารกิจของ อีธาน ฮันท์ และทีมของเขา “ครั้งสุดท้าย” พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดอย่าง ดิ เอ็นทิตี้ ปัญญาประดิษฐ์สุดอำมหิตที่มีความสามารถถึงขนาดทำให้มนุษยชาติสูญสิ้นได้เลยทีเดียว 

ด้วยตอนจบแบบค้างคา ที่หลังจากเพิ่งรอดชีวิตจากการที่รถไฟพุ่งทะยานดิ่งลงจากสะพานไป อีธาน ฮันท์และลูกทีมไอเอ็มเอฟของเขา ที่ประกอบไปด้วย ลูเธอร์  (รับบทโดยวิง รามส์), เบนจี้  (รับบทโดย ไซมอน เพ็กก์) ตลอดจนถึงเกรซ หญิงสาวผู้กลับใจ ที่(รับบทโดย เฮย์เลย์ แอทเวล) ก็ต้องเผชิญหน้ากับอนาคตที่ไม่แน่นอน

เมื่อถูกไล่ตามโดยเอเจนท์บริกส์ และ ดีกัส (เชีย วิกแฮม และเกร็ก ทาร์ซาน เดวิส) ต้องเผชิญหน้ากับ กาเบรียล (รับบทโดยอีไซ โมราเลส) สุดยอดวายร้ายสายลับ หมายครองเอ็นทิตี้ เพื่อกุมอำนาจของทุกประเทศไว้ในมือตัวเอง  

อุปสรรคที่อีธานและทีมของเขาต้องเผชิญก็สูงลิบลิ่วยิ่งกว่าเดิมเมื่อพวกเขาต้องดิ้นรนเพื่อแย่งชิงอาวุธเพียงหนึ่งเดียวที่อาจจะปราบ ดิ เอ็นทิตี้ ซึ่งซ่อนอยู่ใต้ครอบน้ำแข็งขั้วโลก ใต้ทะเลเบริง ในซากของเรือดำน้ำรัสเซียที่จมดิ่งอยู่ ที่มีชื่อว่า เดอะ เซวาสโทโพล ที่ อีธาน ฮันท์ เคยจมมันเมื่อหลายสิบปีก่อน (เหตุการณ์จากภาค3)

REVIEW

ไม่ได้ดูหนังสายลับที่ดูไปนั่งลุ้นไป ก็นานมาแล้ว…คือถึงรู้ทั้งรู้ว่ายังไงพวกพระเอกก็ต้องรอดแหละ…แต่การนำเสนอในแต่ละซีนที่จัดว่า หวาดเสียว ลุ้นระทึก มันทำให้เราเห็นว่า อีธาน ฮันท์ ยิ่งแก่ยึ่งอึดระดับซูเปอร์โซลเยอร์ เรียกเข้าทีมอเวนเจอร์ยังได้! โม้จัดๆ 55+

จริงๆ เรื่องราวการเล่า และนำเสนอในแง่ของธีมเรื่อง พล๊อตต่างๆ ก็มีความรู้สึกว่าแอบ “ยืด” ไปเยอะมาก ทั้งการปูเรื่องราว การนำเสนอเงื่อนไขต่างๆในการจัดการกับ ดิ เอ็นทิตี้ ซึ่งโชคดีมากๆที่ เลือกดูรอบพากย์ไทย เพราะเอาจริงๆ ” คุยเยอะมาก” อ่านซับกันตาแฉะไม่น้อย…ใครสายเสียงในฟิลม์เลย ฟัง Eng ออกก็โอเค ล่ะมั้ง 

พอเข้าสู่ช่วงกลางๆเรื่อง อย่างพาร์ทการไขปริศนาเรือดำน้ำ ก็จัดว่ายืดไปอีก ซับซ้อน และอุปสรรคเยอะมาก แต่เข้าใจได้ว่า ทีมงานน่าจะลงทุนกับการทำพร๊อพต่างๆ การเซตอัพเรือดำน้ำให้ดูสมจริงยิ่งใหญ่ทั้งที ขอใช้ให้คุ้มหน่อย แถมป๋าทอม ก็โชว์ดำน้ำตัวเปล่า พร้อมข้อมูลที่ว่า นี่คือความลึกระดับแรงดันมหาศาล จุดนี้ทำให้ป๋าแกดูเป็นยอดมนุษย์ยิ่งขึ้น และยิ่งช่วงซีนท้าเวหา ที่จัดว่าใช้เวลานานที่สุดก็ยิ่งทำให้เห็นว่า ป๋าแกทุ่มสุดตัวมากๆ ในแง่ของเนื้องาน มุมกล้องสวย เน้นเห็นหน้านักแสดงครบถ้วน…

ถ้าฮ่องกง มีเฉินหลง … ฮอลลีวู้ด ก็มี ป๋าทอม นี่แหละ 

แต่ถ้าเอาจริงๆ ความสนุกในแง่เนื้อเรื่อง กลับกลายเป็นหนังที่เราไม่ค่อยเอนจอยกับบทเลย มันไม่มีอะไรที่พลิกผัน หวือหวา หรือหักมุมอย่างที่ภาคก่อนๆเคยทำ หรือการฉกชิงวิ่งราวจารกรรมสายลับเท่ๆจนกลายเป็นซีนจำแบบภาคต่างๆ กลับหายไป แถมหลายๆอย่างก็ดูจะไม่สมเหตุผล อิหยังหวะ ขัดแย้งในตัวไม่น้อย อีกทั้งช่วงแรกของเรื่องก็เล่าเอื่อยๆช้าๆ อย่างที่กล่าวไปในตอนต้น

แต่ทดแทนด้วยฉากเสี่ยงตาย กับโปรดัคชั่นเล่นใหญ่ ลุ้น ดูโคตรมันส์ เข้ามาทดแทนแบบจุกๆ โม้ๆเข้าว่า ถือว่า “คุ้มค่าตั๋ว” ครับ สำหรับคนที่ไม่ชอบคิดอะไรเยอะๆ (แบบแอดมิน) มาดูหนังเพื่อความบันเทิงจริงๆ

และเหมือนเป็นการย้อนความ ดูผลกระทบสิ่งต่างๆที่ป๋าทอม ในบท อีธาน ทำวีร(เวร)กรรม อะไรเอาไว้ในภาคก่อนๆ มันส่งผลมาถึงภาคนี้ ทั้งทางตรง และทางอ้อม…จุดนี้ทำเอาคิดถึงวันวานสมัยเช้าวิดิโอ เช่า VCD ซื้อเทปเพลง MI2 มานั่งฟัง คือฟิลแบบโหยหาอดีตนี่ ถือว่าเค้าทำถึงนะ เอาดีๆ…

แต่เชื่อว่า ใครที่โตมากับแฟรนไชส์นี้ มาตั้งแต่ยุควิดิโอม้วน VCD DVD มาจนถึงยุคสตรีมมิ่ง

ก็อยากจะร่วมกันส่งท้าย สายลับในตำนานสุดโม้เว่อวังคนนี้ก่อนจะเกษียณตัวเองในบทดังกล่าว…

ไปดูเถอะนี่จ่ายไป 220 ยังรู้สึกดีเลย อยากหาทำ 4DX ด้วย น่าจะเดือดไม่น้อย!

#MissionImpossible #TheFinalReckoning #MissionImpossible8 #MissionImpossible8TH #MI8 #มิชชั่นอิมพอสซิเบิ้ล8