Transformers: The Last Knight อัศวินรุ่นสุดท้าย [เรื่องย่อ/รีวิว]
25 มิถุนายน 2560 23:07 น.
Share on FacebookTweet about this on TwitterShare on Google+

Transformers-5-The-Last-Knight

ชื่ออังกฤษ : Transformers: The Last Knight 

ชื่อภาษาไทย : ทรานฟอร์มเมอร์ อัศวินรุ่นสุดท้าย

ประเภท : ภาพยนตร์
แนว :  Action, Adventure, Fantasy
ผู้กำกับ : Michael Bay
ค่าย : Universal
ฉาย : 23 มิถุนายน 2017  (อเมริกา)

“ทรานส์ฟอร์เมอร์ส” ชื่อนี้ คงไม่ต้องพูดมากความ เพราะออกมาหลายเวอร์ชั่นเหลือเกิน แต่เวอร์ชั่นที่เป็นที่พูดถึงทั่วโลก ก็คงจะหนีไม่พ้นเวอร์ชั่นภาพยนตร์ของ ไมเคิล เบย์ อย่างแน่นอน และนี่คือภาพยนตร์ภาคที่ 5 ของสงครามจักรกล กับ Transformers: The Last Knight อัศวินรุ่นสุดท้าย

 

 

เรื่องย่อ 

Transformers: The Last Knight จะโฟกัสไปที่ ออพติมัส ไพรม์ ออโต้บอตส์ที่กำลังกลับไปยังดาวบ้านเกิดอย่าง ดาวไซเบอร์ตรอน และพบว่าดาวของตนเองได้ถูกทำลายลง ซึ่งเขานั้นก็มีส่วนที่ทำให้ดาวถูกทำลายด้วย เพื่อจะทำให้ดาวของเขากลับมาเป็นปกติสุขได้นั้นออพติมัส ไพรม์ ต้องตามหาวัตถุชิ้นหนึ่งที่อยู่บนโลกมนุษย์ และวัตถุที่ว่านั้นก็เกี่ยวโยงไปถึง “เมอร์ลิน” พ่อมดในตำนานสมัยกษัตริย์อาเธอร์ด้วย แต่ออพติมัสพลาดท่า จนถูก“ผู้สร้าง” (ควินเทชชั่น เผ่าพันธุ์ผู้ทรงภูมิ จุดกำเนิดทรานฟอร์เมอร์ส ตามฉบับการ์ตูน) ทำให้กลายเป็นศัตรูของเหล่ามนุษย์ไป

 


ดูเหมือนว่าพลังเวทมนตร์มหาศาลที่ เมอร์ลิน ได้รับนั้นมีที่มาจาก ทรานสฟอร์เมอร์ส และพลังนั้นก็สิงสถิตอยู่ในวัตถุชิ้นนั้นนั่นเอง แม้เราจะยังไม่ทราบรายละเอียดแน่ชัดนัก แต่มีการคาดเดาว่า วัตถุที่ว่านั้นอาจเกี่ยวข้องกับ “ดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์” ของกษัตริย์อาเธอร์อีกด้วย

 

แต่ทว่าโลกในปัจจุบัน กลุ่มมนุษย์ได้ตั้ง “กองกำลังทหาร TRF” ขึ้นมาตามล่าและทำลายเหล่าทรานส์ฟอร์เมอร์ ด้วยเทคโนโลยีทั้งหุ่นยนต์และโดรนที่ต่อยอดจากการค้นคว้าซากเหล่าชาวไซเบอร์ตรอนที่ล้มตายในสงครามครั้งก่อนๆ แถมโลกเองก็อยู่ในสภาวะย่ำแย่เต็มทน ทำให้เคด เยเกอร์ (มาร์ค วอห์ลเบิร์ก) กลายเป็นบุคคลดวงกุดที่ถูกตามล่าโดยฝ่ายทหารรับจ้าง ในฐานะเป้าหมายสำคัญจากการที่เขาเข้าเป็นพวกกับออโตบ็อต และได้เข้าช่วยเหลืออิซาเบลลา (อิซาเบลา โมเนอร์) จนทำให้เขาต้องเดินทางไปยังอังกฤษ เพื่อสืบหาต้นตอของเรื่องราวทั้งหมด

 

 

 Transformers: The Last Knight  จะมีการผูกเอาเรื่องราวของกลุ่มอัศวินโต๊ะกลม และทีมสร้างยังระบุว่า นี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามจักรกลบนโลกที่กินเวลาสร้างอีกยาวนานหลังจากนี้ไปหลายสิบปี และยังมีเนื้อหาแยกย่อยที่กำลังจะตามมา โดยยึดเอาเค้าโครงเส้นเรื่องนี้เป็นหลัก ซึ่งแม้แต่ตัวของ ไมเคิล เบย์ ก็ออกมายอมรับว่าภาคก่อนหน้าอย่าง Transformers: Age of Extinction ก็ไม่ได้เข้าที่เข้าทางเท่าไหร่ในส่วนของเนื้อหา ที่ต้องปูบทยบาทใหม่ในจักรวาลเดิม รวมไปถึงการหาจุดเชื่อมโยง เหมือนเป็นการหยั่งเสียงมากกว่า

 

ตัวละคร Transformers: The Last Knight อัศวินรุ่นสุดท้าย 

 

 Transformers02

 

Cade Yeager รับบทโดย Mark Wahlberg

 

Transformers03

 

Izabella รับบทโดย Isabela Moner

 

Transformers04

 

Lt. Colonel William Lennox  รับบทโดย Josh Duhamel

 

 Transformer 4  The age of Extinction (7)

รีวิว  6/10 Rank D

เมื่อคนดูอยากเห็นหุ่นยนต์ตีกัน – ไมเคิล เบย์ จัดให้ เอาไปเลยสิบตัวยี่สิบตัว ดูกันตาแฉะ

 

เมื่อคนดูอยากเห็นระเบิดบ้าพลัง - ไมเคิล เบย์ จัดให้ วูบวาบจัดเต็มหนวกหูสุดๆ

 

เมื่อคนดูอยากได้หนังไม่ซับซ้อนดูง่าย – ไมเคิล เบย์ จัดให้ พล๊อตกลวงๆขายสองข้อบนรัวๆ

 

เมื่อคนดูอยากได้หนังที่สมเหตุผล เล่าเรื่องกระชับ - “ไปดูหนังเรื่องอื่นเลย!”

 

ทรานส์ฟอร์เมอร์ส เป็นหนัง“สัญญาใจระหว่างแอดมิน และไมเคิล เบย์” ว่า “จะตามดูทุกภาคแม้ว่ามันจะห่วยถ้วยขนาดไหนก็ตาม” และก็เป็นไปตามคาดจริงๆ เพราะหนังเต็มไปด้วยบรรยากาศเก่าๆ แสงสีวูบวาบ ระเบิดเขาเผากระท่อมแบบสุดลิ่มทิ่มประตู แถมยังคงความเป็น“ผู้กำกับที่ไม่สามารถคุมเนื้อหาให้คงเส้นคงวาได้” เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ “ฝีมือที่ตกลงไปอีก” 

 

เริ่มจากความยาวของหนังที่พี่แกจัดเต็มมาให้ถึงสองชั่วโมงกับอีก 20กว่านาที เรียกได้ว่า “ถ้าไม่ใช่ติ่งทรานส์ฟอร์มเมอร์” มีเดินออกจากโรงแน่ เพราะพี่แกเล่าเรื่องยืดมาก ทั้งๆที่ใจความเรื่องมีกระจึ๋งเดียว แถมพอเข้าสู่ไคลแม็กซ์ของหนัง ทุกอย่างมันดูเร่งรีบ รวบรัด ตัดบทกันชนิด “ไม่มีเยื่อใย” ไปๆมาๆง่ายสุดๆ

 

ฝ่ายดีเซปติคอนที่ถูกปูบทอย่างโหด และดูมีเล่ห์เหลี่ยม แถมด้วยซีนระดมพลลูกน้องตัวแสบที่มีคาแรคเตอร์น่าสนใจ “ยังกะหนังรวมพลมหาวายร้าย” กลับถูกตัดกลางอากาศไปอย่างน่าเสียดายสุดๆ

 

นี่ยังไม่รวมบทออพติมัสที่ดูซื่อบื้อ งี่เง่าที่สุดเท่าที่เคยเห็น ซึ่งความงี่เง่าที่ชัดเจนที่สุดคือ “การหาเหตุผลให้ออพติมัสกลับมาเป็นตัวเอกของเรื่อง” ทั้งๆที่หนังแทบจะไม่ได้ขายออพติมัสเลยด้วยซ้ำบอกเลยว่า “มันหายนะ และกลวงยิ่งกว่ามุกมาร์ธา ใน Batืman Vs Superman ด้วยซ้ำ!!” แต่เอาล่ะ มันก็ชดเชยด้วยบทพูดปลุกใจแบบเสี่ยวๆของพี่แกที่ฟังทีไรก็ขนลุก และอยากจะจับดาบไปสับหัวดีเซปติคอนร่วมกับเฮียแกและพลพรรคปืนดุจริงๆ 

 

ส่วนนักแสดงในเรื่อง ต่างก็ทำหน้าที่ได้ดีครับ แต่อยากจะบอกว่า “ภาคหน้าไม่ต้องเอามาร์ค วอลเบิร์ก มาเล่นแล้วนะ” คือบทพี่แกถึงจะเด่น ถึงขั้นเป้นพระเอก แต่ถ้ามองในระยะยาวแล้ว บท “เคด เยเกอร์” ไม่น่าจะไปได้ต่อแล้ว เพราะทุกอย่างมันดูฝืน ตูไม่ลงตัวกับสเกลหนังในภาคนี้ และภาคต่อจากนี้ ส่วนตัวมองว่าบทสาวน้อยวัย 14 (ที่ไฟหน้าเกินวัย) น่าจะไปต่อได้ บทส่ง ปูพื้นให้น้องไปได้ แถมมีลูกเล่นได้อีก 2-3ภาค ทั้งหุ่นจิ๋วคู่หู และหุ่นเฮดมาสเตอร์พ่อบ้านที่มีลักษณะที่เหมือนจะถอดแบบมาจากหนังสตาร์วอร์ส ก็เป็นที่น่าจดจำ ยิ่งกว่าพลพรรคออโต้บอททั้งยวง ที่ถูกลดบทให้เป็นหุ่นคณะตลกสามช่าบ้าพลังเท่านั้น

 

ส่วนแฟนๆระดับฮาร์ดคอร์ของทรานสฟอร์เมอร์ฉบับออริจินอลการ์ตูน ที่เห็นตัวละคร “ฮอทร้อด” แล้วพากัน Hype ว่าจะมาแทนออพติมัสตามแบบการ์ตูนในตำแหน่ง “โรดิมัส ไพร์ม” นั้น ขอสปอยล์ตรงนี้เลยว่าคุณจะต้องผิดหวังมากๆ เพราะฮอทรอดฉบับนี้เป็นหุ่นขี้หลีจากฝรั่งเศส ด้วยสำนวนจีบนางเอกสุดเห่ย จนกลายเป็นตัวตลกเรียกเสียงฮามากกว่า และนั้นทำให้ฮอทรอด ยังห่างไกลกับตำแหน่งไพร์มอย่างไม่ต้องสงสัย…

 

นี่คืออีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่ชัดเจนที่สุดแล้วว่า “ไมเคิล เบย์ คือคนที่หมดไฟกับแฟรนไชส์ทรานส์ฟอรต์เมอร์แล้วอย่างแท้จริง” ในหนังไม่มีอะไรสดใหม่ให้ร้องว้าวอีกต่อไป มีแต่การพาเนื้อหาของแฟรนไชส์นี้ออกนอกทะเลจนกู่ไม่กลับ และทิ้งภาระให้ผู้กำกับคนใหม่ที่จะกู้ศรัทธาในแฟรนไชส์ดังกล่าวว่าจะทำได้หรือไม่…

 

 

ทั้งหมดที่ว่ามาถามว่าสนุกมั้ย? บอกเลยว่า “ก็สนุกนะ” ยิ่งถ้าคุณอยากดูหุ่นยนต์ตีกันระดับ “Shiftหายวายวอด” คุณต้องไปดูในโรงเท่านั้น เสียงอื้ออึงหนวกหูสะใจมากๆ!! ส่วนคะแนน และคำวิจารณ์นั้น มันก็เป็นเพียงการเล่าตามเนื้อผ้า แล้วก็ตีเป็นตัวเลขเท่านั้น ของอย่างงี้ต้องไปดูเองครับ!!

 

 

 

 

 

ตัวอย่างภาพยนตร์ Transformers: The Last Knight อัศวินรุ่นสุดท้าย 

 

 

 

 

—————————————————————–

 

แอดมินน้องเบ้น / แอดมิน Ak47