Transformers หรือหุ่นยักษ์ที่เป็นหนึ่งในสินค้าของเล่นขายดีจากค่าย Hasbros ที่ได้รับความนิยมมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งความนิยมในตัวของเล่นที่ทำให้มันถูกต่อยอดกลายเป็นเรื่องราวของสงครามสองฝ่าย ที่ยังอยู่ในความทรงจำของแฟนๆของเล่นพร้อมแฟนการ์ตูนชุดนี้

จนกระทั้ง ไมเคิ่ล เบย์ ผู้กำกับขาบู๊ ตัดสินใจนำเรื่องราวสงครามของสองหุ่นรบกลับมาโลดแล่นอีกครั้ง (สมัยเป็นเวอร์ชั่นการ์ตูนเคยทำออกมาเป็นหนังในปี1986 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ) คราวนี้จัดหนักจัดเต็มตามสไตล์ของผู้กำกับระเบิดภูเขาเผากระท่อม จนเป็นหนังฟอร์มยักษ์จนมีภาคต่ออีก 4 ภาค ก่อนจะเริ่มจักรวาลใหม่ด้วยการเล่าย้อนจุดกำเนิดของเรื่องราวใน Bumblebee ที่กำลังจะเข้าฉายในเร็วๆนี้

บทความนี้เลยขอทบทวนเหตุการณ์ตั้งแต่ภาคแรกจนถึงภาค 5 มาฝากทุกท่านเช่นเคย ซึ่งถ้าข้อมูลขาดตกบกพร่องก็ขอ อภัย มา ณ ที่นี้ด้วยครับ ถ้างั้นเราไปดูเรื่องราวที่ผ่านมาของจักรวาลหุ่นยักษ์กันได้เลยครับ

Transformers (2007)

นานมาแล้วบนดาวที่ชื่อ ไซเบอร์ตรอน สองสายพันธุ์ชีวจักรกลทรงภูมิปัญญาทั้งสองฝ่ายระหว่าง ออโต้บอทส์ และ ดิเซฟติคอนส์ แต่ด้วยทัศนคติที่แตกต่างกัน จนทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องขับเคี่ยวทำสงคราม ซึ่งทำให้ ออลสปาร์ค พลังงานสำคัญ ตกไปยังบนโลกทำให้เหล่าออโต้บอทส์ต้องมาตั้งหลักที่นี่ ส่วนดิเซฟติคอนส์ ก็ไม่ยอมให้พวกนี้ได้พลังงานตรงนี้ไปง่ายๆ เพราะเป้าหมายของพวกมันคือต้องการจะเปลี่ยนโลกให้เป็นเครื่องจักรกล

แซม วิทวิคกี้ เด็กหนุ่มไฮสคูลที่อยากจะมีชีวิตเหมือนเด็กหนุ่มคนอื่นๆ หนึ่งในนั้นคือการมีรถเท่ๆซักคันเอาไว้ไปรับหญิงซักคัน ซึ่งทำให้เขาต้องไปตื้อกับอาจารย์จนได้เกรดเอ ก่อนจะขอให้พ่อของเขาซื้อรถตามที่สัญญา ก็เลยพาไปยังร้านขายรถมือสอง ซึ่งแซมก็ได้รถ เชฟโรเล็ต คามาโร่ 1977 สีเหลืองมาครอบครอง ซึ่งรถคันนี้เขารู้ว่ามันต้องไม่ธรรมดา เพราะมันสำแดงเดชจนกระจกรถที่ร้านแตกกระจาย

ณ อีกฟากหนึ่ง ที่ประเทศกาตาร์ ก็มีเฮลิคอปเตอร์ไม่ทราบฝ่าย เข้าจู่โจมกองทัพอเมริกันและทำลายล้าง ซึ่งเรื่องถึงเพตากอน ทำให้รัฐมนตรีกลาโหม จอหน์ เคลเลอร์ จึงเรียกแฮกเกอร์มากความสามารถให้มาช่วยงานราชการเพื่อเสียงปริศนาซึ่งเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในจุดเกิดเหตุ แถมยังถูกจารกรรมไประหว่างเกิดเหตุ แต่ในระหว่างเดียวกัน เลนน็อกซ์และกลุ่มทหารที่รอดจากเหตุการณ์โจมตี กำลังหาทางเอาชีวิตรอดพร้อมกับเด็กชายอาหรับ

ขณะกำลังกลับฐาน เล็นน็อกซ์ และพรรคพวกต้องเจอ สกอร์โพน็อค หุ่นแม่งป่อง บุกโจมตีกลางทะเลทราย แต่ท้ายสุดพวกเขาก็รอดหวุดหวิดเมื่อ กองทัพส่งเครื่องบินรบมาช่วยไว้ได้หวุดหวิด

กลับมาที่ฟากของแซม ซึ่งต้องเจอเรื่องราวแปลกๆที่เกี่ยวข้องกับรถสีเหลืองของเขา ทั้งที่รถมันวิ่งได้เองจนแซมนึกว่าใครขโมย ทำให้เขาพบว่ารถคันนี้มันมากกว่าเป็นรถ และยังช่วยเหลือให้เขารอดเหตุการณ์เฉียดตายหลายครั้ง แล้วทำให้ มิเคล่า เบนส์ แฟนสาวที่เขาตามจีบต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย แล้วเกิดเหตุอุกกาบาตตกมายังโลกพร้อมกัน แล้วพวกมันกลายเป็นหุ่นยนต์ก่อนที่ทั้งสองจะได้รู้จักกับพวกมันเสียที

เจ้าหุ่นสีเหลืองที่อยู่ในคราบรถคันเก่งของแซม มีนามว่า บัมเบิ้ลบี แล้วยังได้รู้จักกับกลุ่มของพวกเขาประกอบไปด้วย ไอรอนไฮด์, แจ๊ซ, แรทเช็ท และ หัวหน้ากลุ่มของพวกเขาที่ชื่อ อ็อพติมัส ไพรม์
แซม เริ่มเข้าใจผ่านเรื่องราวที่ อ็อพติมัส ไพรม์ ว่า พวกเขาคือกลุ่ม ออโต้บอทส์ ที่กำลังตามหา ออลสปาร์ค ที่สถิตอยู่ใน เดอะ คิวบ์ แต่ดันหายสาบสูญไปในดาวบ้านเกิด โดยสาเหตุมาจากฝีมือของกลุ่มที่ชื่อว่า

ดิเซฟติคอนส์ ที่มี เมกาทรอน เป็นหัวหน้ากลุ่ม แต่เดิมทั้งสองกลุ่มต่างก็อยู่อย่างสงบสุข หากทว่าความคิดที่แตกต่างของสองฝ่ายจนเป็นชนวนเกิดสงครามในที่สุด  แล้วสาเหตุที่แซมถูกพวกดิเซฟติคอนส์ไล่ล่า ก็เพราะปู่ทวดของเขา คือคนที่ไปเจอเมกาทรอน ที่ระบบหยุดทำงานแต่เมื่อไปเปิดระบบไม่ได้ตั้งใจ ทำให้พิกัด เดอะ คิวบ์ จึงไปอยู่ในแว่นตาของปู่ทวดแซม ที่เขาตั้งใจจะขายในเว็บไซต์ แล้วเป็นไอเท็มที่ฝ่ายดิเซฟติคอนส์ต้องการจนเกิดเรื่องราวขึ้นมานั่นเอง การมาของ ออโต้บอทส์ จึงต้องหาทางคว้าเดอะ คิวบ์ ก่อนที่พวกฝ่ายอธรรมจะได้ไปเพราะพวกมันต้องการเพียงเพื่อจุดประสงค์เดียวคือครองโลกใบนี้ด้วยจักรกล เมื่อนั้นเหล่ามนุษย์จะสูญพันธ์ไปจากโลก

หลังจากนั้น แซมและครอบครัวก็ถูกหน่วยงานที่ชื่อ Sector 7 ซึ่งมีฐานลับอยู่ที่เขื่อนฮูเวอร์ พร้อมกับบัมเบิ้ลบี ถูกควบคุมตัว แล้วทำให้ได้เห็น เดอะ คิวบ์ ครั้งแรก แต่แล้วหุ่นที่สิงสถิตในโทรศัพท์ของมิเคลล่าก็ทำการตัดสัญญาณระบบในฐานทัพ ก่อนที่จอมโฉดแห่ง ดิเซฟติคอนส์ ก็ฟื้นคืนชีพพร้อมพลพรรคเพื่อเริ่มทำลายล้างโลก ซึ่งแซมและเลนน็อกซ์พร้อมเหล่าทหารที่รอดจากการ์ตาร์จึงต้องให้หน่วยปล่อย บัมเบิ้ลบี จนทำให้เหล่า ออโต้บอต และ แซมพร้อมเลนน็อกซ์จึงต้องร่วมมือกันเพื่อหยุดยั้งแผนร้ายของพวกรุกรานโลกครั้งนี้ให้จงได้

ท้ายที่สุดแซมก็ได้เดอะ คิวบ์ ก่อนจะใช้สิ่งนี้กำจัดเมกาทรอนจนสิ้นใจในที่สุด แต่ออโต้บอตก็จะยังคงอยู่บนโลกใบนี้ต่อไป เพราะในอนาคตเหล่าฝ่ายอธรรมดิเซฟติคอนส์ ยังคงต้องหาทางที่จะครองโลกใบนี้ให้จงได้ ซึ่งถ้าวันนั้นมาถึงออโต้บอตและเหล่าผู้กล้าก็พร้อมจะยืนหยัดสู้เคียงข้างแน่นอน

Transformers : Revenge of The Fallen (2009)

หลังผ่านเหตุการณ์ไป 2 ปี แซม ที่แม้เขาจะเป็นวีรบุรุษกอบกู้โลก แต่เขาก็ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ดีเมื่อเขาจะไปเริ่มชีวิตใหม่ในมหาวิทยาลัย ซึ่งทำให้เขาต้องจากบ้าน และพยายามลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้น รวมถึงต้องจากลา มิเคลล่า แฟนสาวของเขาด้วย แน่นอนว่าเจ้าหุ่นบัมเบิ้ลบี้ก็ไม่ได้ไปกับเขาด้วย

อีกฟากหนึ่งของโลก ที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน หน่วย Nest ที่นำทีมโดย เลนน็อกซ์ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่แทนที่หน่วย Sector 7 ซึ่งทำงานร่วมกับเหล่า ออโต้บ็อต ในการกำจัดเหล่าดิเซฟติคอนส์ ซึ่งเป็นเวลา 2 ปีกว่าที่พวกเขาร่วมงานในการปฏิบัติการ 6 ครั้ง ซึ่งถึงจะปฏิบัติการล่าสุดประสบความสำเร็จ แต่ก็ทิ้งความเคลือบแคลงใจของดิเซฟติคอนส์ว่า เดอะฟอลเล่น จะกลับมายิ่งใหญ่

หลังปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้น หน่วยNEST และ ออโต้บอต ต้องเข้ารับการรายงานตัวจาก ดร.กัลโลเวย์ ที่ปรึกษาประธานธิบดี ซึ่งดูเหมือนทางกัลโลเวย์จะไม่ค่อยชอบใจเท่าไรในการปฏิบัติการ เพราะได้รับข้อมูลว่า ถ้าออลสปราคถูกทำลายแล้วทำไมยังมีพวกดีเซปติคอนส์หลงเหลืออยู่

แล้วยังอธิบายต่อว่าตอนนี้ซากเมกาทรอนได้อยู่ก้นมหาสมุทร ท่ามกลางการ์ดเหนือน้ำ 24 ชั่วโมง ส่วนเสี้ยวสุดท้ายของออลสปาร์คนั้น ยังคงได้รับการดูแลและเก็บรักษาในห้องนิรภัยที่ปลอดภัยที่สุดในโลก และได้สรุปว่าสาเหตุที่เหล่าดีเซปติคอนส์ยังคงอยู่ คงเพราะออโต้บอตด้วยส่วนหนึ่ง จึงมีข้อเสนอกึ่งบังคับ คือการไล่ออโต้บอตออกจากโลก ซึ่งผู้นำออโบอตอย่างอ็อพติมัส ก็น้อมรับ แต่ก็ได้ตั้งคำถามว่า ถ้าไม่มีพวกเขาแล้วมนุษย์โลกจะทำอย่างไร ซึ่งหารู้ไม่ว่าขณะที่กำลังถกเถียงอยู่นั้น ซาวนด์เวฟ ก็แฝงตัวด้วยการดักฟังจากดาวเทียมนอกโลก ก่อนจะให้ ราเวจ ไปชิงเสี้ยวออลสปาร์ค ไปแบบง่ายดาย

แซม ที่แม้จะเริ่มชีวิตมหาวิทยาลัยได้ไม่นาน ในงานปาร์ตี้เปิดเทอม ที่เขาและ ลีโอ เพื่อนซี้ ไปร่วมงาน แซมได้รู้จักกับ อลิซ สาวผมทอง ซึ่งขณะนั้นเองเขารู้สึกเห็นอักษรแปลกๆ จนไม่สามารถควบคุมสติได้ ขณะเดียวกันบัมเบิ้ลบีก็พาตัวเองมาถึงมหาวิทยาลัยก่อนพาแซมไป ซึ่งแน่นอนว่า อลิซ ไม่ชอบใจเท่าไรเพราะ รถสีเหลืองคันนี้เหมือนรู้อะไรบางอย่าง

ต่อมา แซม ได้พบกับ อ็อพติมัส ซึ่งได้แจ้งข่าวสำคัญถึงแซม แม้ว่าเขาอยากจะมีชีวิตธรรมดาแบบเด็กมหาลัย แต่ตอนนี้เสี้ยวสุดท้ายของ ออลสปาร์ค ได้ถูกขโมยไป เท่ากับว่าจากนี้สงครามที่เขาไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวจึงต้องกลับมาปกป้องโลกอีกครั้ง

เหล่าดีเซปติคอนส์ ที่รอดพ้นสายตาการจับตรวจของกองทัพหลังจากที่ได้เสี้ยวออลสปาร์คมาแล้ว จึงลงไปยังมหาสมุทรที่ซึ่งฝั่งร่างเมกาทรอน ก่อนจะทำการปลุกชีพเมกาทรอน ก่อนที่จะได้ไปพบกับอาจารย์ของเขาอย่าง เดอะ ฟอลเล่น ด้วยความสำนึกผิด แต่เดอะฟอลเล่น บอกว่าถึงออลสปาร์คจะถูกทำลาย แต่ตอนนี้อักขระได้ถูกสลักในความทรงจำของ แซม ซึ่งตอนนี้แผนการก็คือต้องหาตัวแซมให้เจอ โดยล่ออ็อฟติมัสออกมาแล้วกำจัดทิ้ง

อีกฟากหนึ่ง แซม ที่ตอนนี้ไม่สามารถควบคุมสติเขาได้จนสร้างความวุ่นวายในชั้นเรียน เพราะเขายังคงเห็นอักขระในหัวเต็มไปหมด ก่อนจะบอกมิเคล่า แฟนสาวที่เขาฝากอีกชิ้นส่วนของออลสปาร์ค ซึ่งตรงกับพวกดิเซฟติคอนส์ส่งสายมาแต่โดนจับได้เสียก่อน ทำให้มิเคล่าจึงรีบไปหาแซมถึงมหาวิทยาลัย แต่ปรากฏว่าเจอภาพกีฬามันส์ๆเสียก่อน ทำให้มิเคลล่าเลยกลับบ้านไป ทั้งที่เข้าใจผิด ก่อนที่อลิซจะเผยร่างที่แท้จริง เธอคือดีเซปต์ติคอน ที่แฝงตัวเพื่อต้องการตัวแซม จนเกิดการไล่ล่าชุลมุน

แม้จะหนีมาได้แต่ก็ถูกจับได้จนปล่อยมายังสถานีรถไฟใต้ดินร้าง เจอทั้ง เมกาทรอน และ สตาร์สครีม ก่อนจะจับแซมไปทรมานเพื่อเค้นความลับ แต่โชคยังดีที่ อ็อฟติมัส และผองเพื่อนออโต้บอตเข้ามาช่วยไว้ได้ทัน ซึ่งก็เข้าทางฝ่ายอธรรม ก่อนที่การต่อสู้จบลงที่เมกาทรอน สยบหัวหน้า ออโตบอต จนสิ้นชีพในที่สุด ซึ่งทำให้ เดอะฟอลเล่น จึงให้เหล่าดิเซฟติคอนส์ โจมตีหน่วยทัพเรือ

ตอนนี้สถานะของแซมและพวกออโต้บอตกลายเป็นผู้ร้ายข้ามชาติ (ฟอลเล่นใช้วิธีสร้างข่าวลวง) แถมหน่วย NEST มีคำสั่งให้ยุบทันทีจากเหตุการณ์ดังกล่าว แซมและพวกก็ได้เจอ ซีมัวร์ ซิมส์ม่อน อดีตหัวหน้าหน่วย Sector 7 ก่อนจะช่วยไขปริศนาถึงอักขระที่แซมเห็น แล้วได้คำตอบเพิ่มว่า มันระบุสถานที่ของหล่าไพร์มชั้นสูง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ เจ็ทไฟร์ อดีตดีเซฟติคอนส์ที่ผันมาอยู่ออโต้บอต ก่อนจะพบคำตอบว่า ถ้าพวกแซม สามารถหยุดยั้งเดอะ ฟอลเล่น ถ้าใช้ กุญแจ The Matrix of Leadership จึงจะสามารถทำให้อ็อฟติมัสคืนชีพได้

ตอนหลัง แซม จึงรู้ว่าตัวเองคือกุญแจที่จะทำให้อ็อฟติมัสคืนชีพ เขาจึงตัดสินใจชุบชีวิตก่อนจะเปิดศึกกับดีเซฟติคอนส์บนสมรภูมิในอียิปต์ แล้วด้วยพลังที่ได้รับจาก เจ็ทไฟร์ ทำให้หัวหน้าออโต้บอตสามารถเอาชนะเดอะ ฟอลเล่นได้ในที่สุด

Transformers : The Dark of The Moon (2011)

หลังกอบกู้โลกได้ถึง 2 ครั้ง แต่ แซมก็ต้องใช้ชีวิตต่อไป ซึ่งตอนนี้เขากำลังอยู่ในช่วงเดินเตะฝุ่นเพราะต้องสมัครงานแต่ไม่มีที่ไหนรับเข้าทำงาน แม้ว่าชีวิตเขาจะเพียบพร้อมไปทุกอย่าง และมีแฟนคนใหม่อย่าง คาร์ลี่ (เมแกน ฟ็อกซ์ ไม่ได้กลับมาแสดงหลังมีปัญหากับผู้กำกับ) แต่ท้ายสุดเขาก็ได้งานทำ ส่วนหนึ่งเพราะ ดีแลนด์ กู้ด แอบตามจีบ คาร์ลี่ ซึ่งทำให้ตัวเองดูเสียศักดิ์ศรีแบบบอกไม่ถูก

ส่วนทางด้านออโต้บอตทก็ยังคงรร่วมงานกับทางกองทัพสหรัฐฯ และยังเฝ้าติดตามการมาของพวกดิเซ็ฟติคอนส์ ซึ่งมีการติดตั้งระบบตรวจจับเอเนอร์จอน

เลนน็อกซ์และหน่วย Nest ต้องมาเจอ ชาร์ล็อต เมียร์ริง หัวหน้าของ National Intelligence ตรวจสอบถึงเหตุการณ์ล่าสุด แต่คุยไม่นานหัวหน้าออโต้บ็อตอย่างอ็อฟติมัส หัวเสียหลังพบชิ้นส่วน ในตอนปฏิบัตการที่ยูเครน ทำให้ทางเมียร์ริ่งจึงให้หัวหน้าออโต้บอตพบกับผู้บริหารทางน่าซ่าและหนึ่งในนักบินอวกาศที่ไปเหยียบดวงจันทร์อย่าง บัซ อัลดริน ซึ่งฝ่ายหลังได้ให้คำตอบว่า ชิ้นส่วนนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เมื่อครั้งไปสำรวจที่ดวงจันทร์ในปี 1969 ซึ่งนักบินอวกาศในตำนานเล่าว่า โซเวียตอาจจะเก็บซากชิ้นส่วนจากดวงจันทร์ไปทดลอง ซึ่งทำให้สหรัฐต้องส่งยานขึ้นสำรวจและเก็บข้อมูล 6 ครั้ง

อ็อพติมัส ไพรม์ จึงเล่าต่อว่ายานที่พวกสำรวจดวงจันทร์เจอ คือ อาร์ค ซึ่งเป็นยานที่ขนเทคโนโลยีที่จะเอาชนะศึกนี้ได้ซึ่งนำไปสู่การปลุกชีพคนสำคัญของ ออโต้บอต อย่าง เซนติเนล ไพร์ม ซึ่งตอนนี้พวกออโตบอตต้องหาสิ่งเหล่านี้ก่อนที่ ดิเซฟติคอนส์จะชิงไป  ส่วนทางด้านเมกาทรอนที่กบดานอยู่แอฟริกา ก็ทราบข่าวเช่นนี้จึงส่ง เลเซอร์บีค ไปกำจัดผ็มีรายชื่อที่เกี่ยวข้องซึ่งอยู่ที่บริษัท แอคคูเรตต้า เป็นบริษัทที่แซมทำงานอยู่นั่นเอง
 

แซม ได้เจอ กับ เจอร์รี่ หวัง คนที่เกี่ยวข้องและร็เรื่องราวของแซมกับออโต้บอต จึงเรียกไปคุยและเล่าให้ฟังว่า ตอนนี้ออโต้บอตกำลังตกอยู่ในอันตราย ก่อนที่แซมจะได้อ่านเอกสารเรื่องการตายของคนที่เกี่ยวข้องที่เคยทำงานให้นาซ่า นำไปสู่โครงการดาวเทียมของสหรัฐและโซเวียตที่ถูกยกเลิก ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ดวงจันทร์ แต่ยังไม่ทันได้ถามต่อ เลเซอร์บีค เปิดฉากไล่ล่าสายฟ้าแล่บ ทำให้แซมรอดชีวิตกลับมาได้หวุดหวิด

จากเหตุการณ์ทั้งนั้นทำให้แซมและพรรคพวก จึงเริ่มสืบเรื่องราวก่อนจะได้คำตอบจากอดีตนักบินอวกาศของโซเวียต 2 นาย ว่าจริงๆแล้วโซเวียต ก็ทำการส่งคนไปก่อนที่สหรัฐจะส่งไปอีก ซึ่งคือการขนพลังงานส่วนหนึ่งกลับมายังบนโลก

หลังจากนั้นจึงได้ขอสรุปเมื่อไปหาเซนติเนล แต่ท้ายสุดแซมและพรรกพวกออโตบอตก็ถูกเมกาทรอนและดีเซฟติคอนส์โจมตี ก่อนที่กองทัพจะถูกปลุกในด้านมืดของดวงจันทร์นับร้อย แล้วความจริงถูกเปิดเผยว่า เซนติเนล ไพร์ม ไปฝักใฝ่กับดีเซฟตีคอนส์ ด้วยเหตุผลว่า เป็นวิธีเดียวที่ไซเบอร์ทรอนจะยังคงอยู่ หลังจากนั้นแซมก็ได้พบความจริงพร้อมคำที่ดีแลนด์บอกคาร์ลี่ที่จับเป็นตัวประกันที่ชิคาโก้ว่า ที่เขาร่ำรวยได้ส่วนหนึ่งเพราะครอบครัวดีแลนด์เคยร่วมมือกับดีเซฟตีคอนส์ จนทำให้อเมริกากับโซเวียตต้องล้มเลิกโครงการนั่นเอง

และท้ายสุดเลยเกิดสงครามครั้งใหญ่ที่ชิคาโก้ ซึ่งอ็อฟติมัส ก็สามารถเอาชนะดิเซฟติคอนส์ ได้ พร้อมกับสังหารเซนติเนล ไพร์ม คนที่เคาเคารพในที่สุด จบไตรภาคของแซม วิทวิคกี้แต่เพียงเท่านี้

———————–

หลังจากนี้ เอาจริงๆ 2 ภาคหลัง ไม่ค่อยอยากนับเท่าไหร่ เพราะเนื้อหาเริ่มเละเทะเลยเถิดแล้ว และแทบไม่มีความเกี่ยวข้องกับไตรภาคหลัก แถมโดนตัดบททิ้งดื้อๆ รีบู้ททำ บัมเบิ้ลบี รีบู้ตจักรวาลใหม่ เลยขอพูดถึงสั้นๆก็แล้วกันนะครับ 

Transformers The Age of Excition (2014)

เรื่องราวในภาคนี้จะเป็นเหตุการณ์หลังศึกที่ชิคาโก้ ที่เป็นการเริ่มเรื่องราวใหม่ผ่านตัวละคร เดค เยเกอร์ พ่อม่ายลูกหนึ่งที่รับงานซื้อเศษเหล็กรถเก่าเพื่อแยกชิ้นส่วนขาย เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้ลูกสาวที่กำเรียนมหาวิทยาลัย แต่เมื่อเขาได้เจอรถบรรทุกคันหนึ่ง ซึ่งกลับพบว่ามันคือ อ็อฟติมัส ไพร์ม ซึ่งทำให้ เดคและลูกสาวต้องเจอเรื่องราวที่ใหญ่โตเพราะ ตอนนี้รัฐบาลกำลังไล่ล่าออโต้บอต ในฐานะตัวอันตรายของโลก ทำให้พวกเขาต้องช่วยเหลือท่ามกลางสงครามระหว่างคนกับเครื่องจักรแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

Transformers The Last Knight (2017)

เรื่องราวดำเนินต่อจากภาคที่แล้ว คราวนี้ เดค เยเกอร์ และ อ็อฟติมัส จะต้องหาชิ้นส่วนสำคัญ ซึ่งชิ้นส่วนที่ว่าเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของทรานฟอร์มเมอรส์ที่มาบนโลกในอดีต แถมชิ้นส่วนที่ว่าดันเกี่ยวข้องกับพ่อมดเมอร์ลินในยุคอัศวินโต๊ะกลม แต่ก็ยังมีเหล่าดีเซฟตีคอนส์ ตามจ้องล้างจองผลาญไม่สิ้นสุด แม้ว่าออพติมัสจะเอาชนะพวกดีเซปติคอนได้ แต่ก็ไม่หยุดเพียงเท่านี้ เพราะออพติมัสจะบินออกนอกจักรวาล เพื่อไปหา “ผู้สร้าง” เผ่าพันธุ์เอเลี่ยนที่สร้างทรานสฟอร์เมอร์ เพื่อเจรจาไม่ให้มาบุกโลก และไม่มีใครรู้ข่าวของออพติมัส ไพรม์อีกเลย

ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวทั้ง 5 ภาค ในหนังชุด Transformers ที่เอามาเล่นย้อนอดีตอีกครั้ง ซึ่งถ้ามีขาดตกบกพร่องช่วงไหน ก็ขอ อภัย มาอีกครั้งครับผม แล้วถ้าดูจบก็อย่าลืมไปดู Bumblebee กับเรื่องราวครั้งใหม่ของจักรวาลหุ่นยักษ์ ใครแฟนหนังชุดนี้อย่าลืมไปตีตั๋วดูได้ครับ

@P.PETTY

ข้อมูลประกอบ
- นิตยสาร Starpics Special: Transformers Chronicle
- http://poon11.blogspot.com/2011/08/transformers-1-3.html