รีวิว Spider-Man: Far From Home สไปเดอร์แมนที่โตขึ้น พร้อมแบกอะไรบางอย่างไว้ที่หลัง
03 กรกฎาคม 2562 10:22 น.
Share on FacebookTweet about this on TwitterShare on Google+

Spiderman Far form home news 2019  (1)

Spider-Man: Far From Home [Trailer / Review]

แนว : Superhero / Action / Adventure / Comedy

กำกับโดย : จอน วัตต์

แสดงนำโดย : ทอม ฮอลแลนด์ / เจค จิลเลนฮาล  / ไมเคิล คีตัน / จอน ฟาฟโรว์  / แซมมวล แอล. แจ็คสัน / เซนดาย่า

ผลิตโดย :  Walt Disney / Marvel Studios / Columbia Pictures

กำหนดฉาย  2 กรกฎาคม 2019 

 

หลังจากที่หลุดชื่อภาคใหม่ จากนักแสดงหนุ่มที่เก็บความลับไม่ค่อยอยู่อย่าง “ทอม ฮอลแลนด์” กับการโชว์ชื่อภาคใหม่ของหนังไอ้แมงมุมภาคต่อ Spider-Man: Far From Home ยังมีรายงานด้วยว่าภาคนี้จะมีดารานักแสดงมากมาย ทั้ง เจค จิลเลนฮาล  ในบท “มิสเตริโอ้”  และ “นิค ฟิวรี่” ผอ.หน่วย S.H.I.E.L.D. แซมมวล แอล. แจ็คสัน

 

SPIDER-MAN_ FAR FROM HOME  (3)  

Spider-Man: Far From Home ถูกนับเป็นหนังเรื่องที่ 23 ของทาง MARVEL และยังเป็นเรื่องสุดท้ายในจักรวาลหนังมาร์เวล เฟสที่ 3  หลังจบจาก End Game อีกด้วย ภาคสรุปสงครามธานอส ราวๆ 2 เดือน เมื่อปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ไอ้หนูสไปเดอร์แมน อยากจะหนีไปพักร้อนที่ยุโรป ในทริปทัศยศึกษา แต่ไม่วายที่จะต้องรับมือกับเรื่องยุ่งๆ เมื่อหายนะจากเหล่า “ธาตุทั้ง4″ สัตว์ประหลาดจากมิติคู่ขนาน ที่มีทั้งธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่ง 3 ตัวแรก ถูก “มิสเตริโอ้” (เจค จิลเลฮาล) ชายหนุ่มผู้มีพลังพิเศษเหนือมนุษย์จากจักรวาลอื่นฆ่าตายไปแล้ว จึงเหลือตัวเก่งที่สุดคือ ธาตุไฟ และนั่น ทำให้สไปเดอร์แมนต้องเข้าต่อสู้ร่วมกับสหายใหม่ เพื่อปกป้องเพื่อนจากการเที่ยวยุโรปไปด้วย และนำไปสู่บทสรุปที่คาดไม่ถึง…

 

 

 

 

 

66130224_440388826511027_5237582552977375232_n

Review  9/10 

สไปเดอร์แมนที่โตขึ้น พร้อมแบกอะไรบางอย่างไว้ที่หลัง…

Spiderman Far form home news 2019  (3)

เรื่องราวของสไปเดอร์แมนในภาคนี้ มีการเล่าเรื่องที่เข้าใจง่ายๆ  ยัด CG จัดเต็มไหลลื่นตามแบบฉบับหนังซูเปอร์ฮีโร่หวังโกยรายได้ โดยในภาคนี้จะมีความจริงจังมากขึ้น ด้วยโลกในยุคที่เหล่าอเวนเจอร์แยกทางตามบทสรุปของหนัง End Game เราจะเห็นการอธิบายโลกที่ได้รับผลกระทบจากช่องว่างเวลา 5 ปีอย่างชัดเจนมากๆ ว่า “เกิดอะไรขึ้น ถ้าคนที่ยังไม่หายไปจากการดีดนิ้วของธานอส กับคนที่กลับมาหลังจากการดีดนิ้ว มาอยู่ในโลกใบเดียวกันมันจะเป็นยังไง” และจะบอกว่า สิ่งที่เอามาให้ดูในตัวอย่างนั้น มันไม่ถึงครึ่งของหนังตัวเต็มเลยด้วยซ้ำ อีกทั้งทฤษฎีที่เคยพูดๆกันในโลกโซเชียล เกี่ยวกับเนื้อหาของภาคนี้ “มันไม่ใช่อย่างที่เราคิดกันเลย!!”

 

 

 

ในส่วนของลักษณะตัวละครของสไปเดอร์แมน แม้ตัวเขาเองจะเป้นเด็กวัยรุ่นม.ปลายที่สนใจเรื่องการจีบสาว และการเล่นสนุกไปวันๆ แต่ในใจลึกๆของเขามีความอมทุกข์จากการสูญเสีย “โทนี่ สตาร์ค” ซึ่งนั่นทำให้คาแรคเตอร์ของปีเตอร์ เติบโตขึ้น มีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ถือว่าเป็นมุมมองที่ดีสำหรับผู้ชมที่ได้เห็นพัฒนาการตัวละครนี้ รวมไปถึงนักแสดงคนอื่น บทก็เสริมให้เนื้อเรื่องมีฉากสนทนาที่มีความเป็นตลกแบบขำๆในลำคอ หรือการตัดมุกกับแบบง่ายๆ โดยเฉพาะบทของ MJ ที่แสดงโดยดาราสาวคนดังอย่าง “เซนดาย่า” ก็มีวาทะคมคายขึ้น ฝีปากที่ร้ายขึ้นพอๆกับความสวยแบบยูนีคๆของนาง…

 

 

 

ส่วนใครที่ชื่นชอบฉากแอคชั่นมันส์ๆ ภาคนี้ได้ยกระดับไปอีกขั้น กับงานวิช่วลสวยๆ ลำดับภาพที่ล้ำพอๆกับมิติควอนตั้มของ แอนท์แมน  หรือ ในโลกต่างมิติของดร.สเตรนจ์ และได้ทำการอัพสเกลความวินาศสันตะโรจากการถล่มเมืองของวายร้ายในเมือง สู่วินาศกรรมระดับทำลายจักรวาล แต่สไปเดอร์แมนคนเดียว จะเอาอยู่มั้ย? และมิสเตริโอ้ จะมีบทสำคัญแค่ไหน อันนี้ต้องไปดูกันในโรงเองนะครับ 

 

 

สรุป ก็เป็นหนังแอคชั่นฮีโร่ที่ทำได้สนุกดี และถ้าใครตามเหล่าฮีโร่มาร์เวลมาตลอด เรื่องนี้คุณไม่ควรพลาด เพราะ End Credit ทั้งสองตัวของหนังนี่แหละ

คือจุดพีคมากจริงๆ!! 

 

 

 

แอดมิน AK47