ไวรัสชนิดต่างๆในเกม Resident Evil
21 เมษายน 2559 17:44 น.
Share on FacebookTweet about this on TwitterShare on Google+

 

Re (3)

หากจะพูดถึงหนึ่งในแฟรนไชส์เกมที่โด่งดังข้ามกาลเวลาและหากินได้ซ้ำซากไม่มีเบื่อ โดยบ.Capcom นอกจาก Street Fighter ก็มีเกมยิงซอมบี้ที่ชื่อว่า “Biohazrd” หรือ ” Resident Evil” เกมเอาตัวรอดสุดสยองขวัญที่กลายพันธุ์เป็นแนวยิงแหลกแจกกระสุนในภาคหลังๆ…

 

ในส่วนเนื้อเรื่องของเกมนี้หลายๆคนคงจะทราบกันดีอยู่แล้ว แต่ทว่าส่วนที่สำคัญที่สุดของเรื่อง ดันกลับมีคนรู้เรื่องราวที่มาของมันน้อยที่สุด…เรื่องราวของ
“ไวรัสต่่างๆในเกม” นั่นเอง…

 

 

Re (3)

(ข้อมูลต่อจากนี้เป็นการรวบรวมจากเวปไซท์ต่างๆมาสรุปย่อเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจ
เครดิตเวป

http://residentrazer.blogspot.com/

http://www.crimson-head.com

http://residentevil.org

http://www.residentevil.wikia.com

http://fr.wikipedia.org/wiki

เนื้อหาเสริมจากเกม Resident Evil 6 HD Remaster และถอดความบางส่วนจาก ฉบับนิยายของ เอส. ดี. เพอร์รี ตอน คฤหาสน์มรณะ / เมืองสวรรค์ต้องสาป และ นรกใต้ภิภพ)

 

 —–

 

Re (5)

จุดเริ่มต้น องค์กรวิปลาส “Umbrella”

Re (4)
เรื่องราวของ Resident Evil จะไม่มีทางเกิดขึ้นเลย ถ้าไม่มีสิ่งที่เรียกว่า “Stairway to the Sun” ดอกไม้ที่สามารถผลิตไวรัสได้ตามธรรมชาติ ถูกค้นพบโดย “Henry Travis” (เฮนรี่ ทราวิส) นักสำรวจ ที่ได้ไปเดินในถ้ำแห่งหนึ่งในแอฟริกาใต้ (ซึ่งชื่อของ Henry Travis ไปค้นใน Google เราจะเจอกับนักอเมริกันฟุตบอลแทน โคตรฮา…)

 

Re (7)
4 ธันวาคม 1966 มีกลุ่มนักวิจัย นำโดย Sir Edward Ashford (เซอร์ เอ็ดเวิร์ด แอชฟอร์ด) / Lord Ozwell E. Spencer (ลอร์ด ออซเวล อี สเปนเซอร์)และ Dr James Marcus (ดร.เจมส์ มาร์คัส) ได้นำเอาดอกไม้ชนิดนี้ไปค้นคว้าเพิ่มเติมในเดือนมีนาคม

 

Re7

และต่อมาหลังจากนั้น 4 ปี พวกเขาก็ค้นคว้า และวิจัยดอกไม้จากแอฟริกาใต้ดังกล่าว จนสามารถสร้างตัวต้นแบบรุ่นบรรพบุรุษของ T-Virus ที่ในตอนนั้นเรียก ว่า “Progenitor Virus” (รากเหง้าของไวรัส) โดยมาร์คัสหลงไหลในการรวมยีนส์ของสิ่งมีชีวิตเข้ากับProgenitor แต่ลอร์ดสเปนเซอร์กลับคิดไปไกลกว่านั้น เขาหวังจะสร้าง“อาวุธชีวภาพที่สามารถควบคุมได้” เพราะตัวไวรัสจะแสดงผลลัพท์ในการเพิ่มความก้าวร้าวและการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในสัตว์ที่ไม่ได้ เลี้ยงลูกด้วยนม แต่ในขณะที่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจะแสดงคุณสมบัติใหม่ๆรวมถึงอาการที่ปรากฎในสัตว์ชนิดอื่น และก็หาสิ่งที่ทำให้เกิดการสั่งการในระบบ ประสาท เพื่อป้อนข้อมูลลงไป แต่ทว่าผลก็ออกมาไม่ได้เป็นที่น่าพอใจนัก เพราะมีขีดจำกัดของตัวเทคโนโลยีในยุค 60 บวกกับการที่ Progenitor Virus “ยังไม่ได้มีการทดลองกับมนุษย์”เลยแม้แต่ครั้งเดียว…

 

Re8

“Lisa Trevor”

 

และในวันที่ 10 พฤศจิกายน 1967 พวกเขาก็ก้าวข้ามจริยธรรมมนุษย์ ด้วยการทดลองกับมนุษย์ครั้งแรก และเหยื่อสองรายที่โดนจับมาสังเวยความวิปลาสนี้ก็ คือ “Jessica Trevor” (เจซซิก้า เทรเวอร์) และ“Lisa Trevor” (ลิซ่า เทรเวอร์) ทั้งสองคนนี้เป็นเมีย และลูกสาวของ “George Trevor” (จอร์ช เทรเวอร์) ผู้ที่ ออกแบบคฤหาสน์เทรเวอร์ ในเกม Resident Evil ภาคแรกนั่นเอง…(ถึงเขาจะหนีออกมาได้ แต่ก็อดตายอยู่ในคฤหาสน์นั้นในเวลาต่อมา)

เจซซิก้าได้รับเชื้อมาแล้ว แต่ทว่าไม่มีผลที่น่าพอใจนัก เธอจึงถูกพวกนักวิทย์สติเฟื่องสั่งเก็บ แต่กับลิซ่าเธอกลับมีอาการกลายพันธ์อย่างรุนแรง รูปร่างบิดเบี้ยว และมีอาการเสียโฉม ซึ่งเป็นผลข้างเคียงของ Progenitor ที่ให้ผลลัพท์ในแบบที่พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน จึงนำตัวลิซ่าไปทดลองยาวนานนับทศวรรษ…

 

Re10

ในปี 1968 บริษัทเวชภัณฑ์ที่ชื่อ “Umbrella Pharmaceutical, Inc.” ได้ถูกก่อตั้งขึ้นด้วยเงินทุนของสเปนเซอร์ ซึ่งเป็นปีเดียวกับ เซอร์ เอ็ดเวิร์ด แอชฟอร์ด เสียชีวิตลง เนื่องจากติดเชื้อ Progenitor แบบไม่ทราบสาเหตุ กิจการของอัมเบรลล่าในขณะนั้นคือการพัฒนายารักษาโรค และไต่เต้าเข้ามามีบทบาทในแวดวงแพทย์และการสารธารณะสุข

 

Re9

ในปี 1969 Alexander Ashford (อเล็กซานเดอร์ แอชฟอร์ด) ลูกชายของ เซอร์ เอ็ดเวิร์ด แอชฟอร์ด ได้สร้างศูนย์วิจัยที่แอนตาร์คติกที่มีรหัสว่า “Code Veronica” ที่ถูกสร้างมาเพื่อวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาด้านสติปัญญา โดยนำดีเอ็นเอของย่าทวด Veronica และสเปิร์มของเขามาผสมเกิดเป็นเด็กหลอดแก้ว จนเกิเด็กสองคน ได้แก่ Alfred Ashford (อัลเฟรด แอชฟอร์ด) และ Alexia Ashford (อเล็กเซีย แอชฟอร์ด) ซึ่งในอีก 10 ปีต่อมา อเล็กเซีย จะเป็นเด็กอัจฉริยะที่กลายเป็นหัวหน้านักวิจัยอาวุโสของอัมเบรลล่าด้วยอายุเพียง 10 ขวบเท่านั้น (หลังจากนั้นคุณพ่อก็โดนจับไปทดลองอยู่ดี…)

 

 

Re11

ในปี 1978 ดร.เจมส์ มาร์คัส ได้กลับมาสานงานวิจัยไวรัสต่อ หลังจากร้างราไปทำอย่างอื่นมานานนับปี คราวนี้เขาได้ทำการทดลองเอาProgenitor มาฉีดเข้าตัวปลิง สัตว์เลี้ยงของ ดร.มาร์คัส

 

ผลลัพท์ที่ได้ก็คือ “T-Virus” และริเริ่มคิดที่จะทำอาวุธชีวะภาพ “Bio-Organic Weapon” หรือเรียกย่อๆว่า “B.O.W.”

 

 

Re12

ดร.เบอร์กิ้น และ เวสเกอร์วัยละอ่อน

 

ในปี 1988 เป็นเวลา 10 ปี ที่ดร.มาร์คัส ได้ลงมือวิจัย “T-Virus” ถึงจะคืบหน้าไปมาก แต่เขาก็เริ่มหวาดระแวง และไม่เชื่อถืออะไรในองค์กรอีกต่อไป แน่นอนว่า เหล่าบรรดาบอร์ดบริหารของอัมเบรลล่าและ ลอร์ดสเปนเซอร์ ไม่พอใจ จึงได้ส่งคนที่ดร.มาร์คัสไว้ใจที่สุด “William Birkin” (ดร.วิลเลี่ยม เบอร์กิ้น) และ “Albert Wesker” (อัลเบิร์ต เวสเกอร์) พร้อมหน่วยรปภ.ของอัมเบรล่าที่ชื่อหน่วย Umbrella Security Service (ตัวอักษรย่อ U.S.S.) ไปลอบสังหารเขา

และดร.เบอร์กิ้น ได้ทำการสวมรอยพัฒนา T-Virus ต่อไปด้วยการทดลองซ้ำแล้วซ้ำอีกกับร่างของ”ลิซ่า เทรเวอร์” จนได้ตัวอย่างทดลองที่สามารถพัฒนาเป็นอาวุธชีวะภาพหลายแบบหลายเวอร์ชั่น

 

RE (9)

 

ดร.มาร์คัส ฉบับหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยว

 

ในปี1998 หรืออีก 10 ปีต่อมา นับตั้งแต่เหตุการณ์บุกถล่มห้องวิจัยของดร.มาร์คัสด้วยฝีมือเวสเกอร์ และดร.เบอร์กิ้น ก็กลับมาเกิดใหม่ ด้วยร่างที่หนุ่มแน่น และยังคงเก็บความแค้นที่พวกของเวสเกอร์ ดร.เบอร์กิ้นส์ และลอร์ดสเปนเซอร์ทำไว้กับเขา เขากลับมามีชีวิตได้เพราะ “ปลิง” ที่ดร.มาร์คัสได้เลี้ยงเอาไว้เพื่อทดลอง T-Virus ก็ได้รวมเข้ากับดีเอ็นเอ และร่างของดร.มาร์คัสก่อนจะตาย นั่นเอง…และสิ่งแรกที่เขาทำหลังคืนชีพก็คือ “การแก้แค้นโดยแพร่เชื้อไวรัสที่ศูนย์วิจัยอาร์คเลย์” เป็นสาเหตุของการแพร่เชื้อในป่า Raccoon City และสังหารทีมสืบสวนของอัมเบรลล่าบนขบวนรถไฟ Ecliptic Express ในภาค ZERO

 

re14

หลังจากนั้น การแพร่เชื้อ T-Virus ก็ลากมาจนถึงการหลุดของไวรัสจากคฤหาสน์สเปนเซอร์ มาจบที่การเข้าสู่เมือง Raccoon City ของไวรัสมรณะนี้ ซึ่งมันก็ลุกลามเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเกมไตรภาคแรก (ภาค1-2-3)นั่นเอง…

 

 

 

 

Re13
และหลังจากการกดปุ่มปล่อยนิวเคลียร์ลงมาที่แรคคูนซิตี้ในภาคที่ 2-3 เส้นทางไวรัสของบ.อัมเบรลล่าก็ตกต่ำลงเรื่อยๆ จนหายไปจากยุทธจักรไวรัสล้างโลก แล้วก็เข้าสู่ยุคของ “บ.Tricell” ที่เกิดขึ้นจาก”ทราวิส เอ็นเตอร์ไพรส์” ที่เอาบันทึกของ “เฮนรี่ ทราวิส” ผู้ค้นพบดอกไม้ไวรัส “Stairway to the Sun” มาอ้างอิง จนค้นคว้าวิจัยเวชภัณฑ์ต่างๆออกมาแข่งกับบ.อัมเบรลล่า

ทราวิส เอ็นเตอร์ไพรส์ มี3แผนกด้วยกันคือแผนกเวชกรรมทำยา แผนกพลังงาน และแผนกการเดินเรือการค้าขาย และเมื่อนำ 3 แผนกนี้มารวมกัน และถูกเปลี่ยนชื่อเป็น “บ.Tricell” นั่นเอง…

 

Re

หลังจาก บ.อัมเบรลล่า ล่มสลายไปในช่วงปี 2000 โดยบริษัทนี้ได้รับเอาวิทยาการ และผลงานวิจัย B.O.W. มาจากการที่ “อัลเบิร์ต เวสเกอร์” เอา T-Virus และ T-Veronica Virus มามอบให้ทางTricell และต่อยอดนำไปสู่การค้นคว้าไวรัส Uroboros และพัฒนาต่อยอด ปรสิตเก่าแก่จากทางตอนเหนือของยุโรปอย่าง Las Plagas ในเวลาต่อมา…

 

 

 

 ———–

 

Virus สายพันธ์ุต่างๆใน Resident Evil

Re15

Progenitor Virus
เป็นไวรัสตัวต้นแบบของ T-Virus และไวรัสทั้งหมดทั้งมวลในจักรวาล Resident Evil (ไม่นับสายปรสิต) ซึ่งถูกค้นพบโดยชาวตะวันตกในศตวรรษที่18 และ Umbrella Corporation.Inc ประสบความสำเร็จจากการวิจัยอาวุธชีวภาพ มีต้นกำเนิดจาก Stairway to the Sun ดอกไม้ในตำนานของแอฟริกา มันถูกค้นพบที่ Kijuju บริเวณแอฟริกาตะวันตก โดยสามผู้ก่อตั้งอัมเบรลล่า Sir Edward Ashford (เซอร์ เอ็ดเวิร์ด แอชฟอร์ด) / Lord Ozwell E. Spencer (ลอร์ด ออซเวล อี สเปนเซอร์)และ Doctor James Marcus (ดร.เจมส์ มาร์คัส) โดยมีคุณสมบัติคือการปรัลบเปลี่ยนพฤติกรรม และโครงสร้างของสิ่งมีชีวิตที่ได้รับไวรัสชนิดนี้ และในเวลาต่อมา ดร.มาร์คัส ก็นำไปฉีดใส่ปลิง จนกลายเป็น T-Virus ในที่สุด

 

Re17

T-Virus
เป็นไวรัสที่ต่อยอดมาจาก Progenitor Virus ที่ดร.มาร์คัสนำมาฉีดใส่ปลิง และมีความเข้ากันได้อย่างน่าอัศจรรย์ แต่ทว่าดร.มาร์คัสถูกสั่งเก็บซะก่อน ผลงาสนเลยตกไปเป็นของดร.เบอร์กิ้นแทน

 

Re19

โดยในตอนนั้นก็ได้มีการวิจัยT-Virus เพื่อนำมาทำเป็น B.O.W.อย่างต่อเนื่องทั้ง Hunter,Chimera,Ivy,Cerberus และสุดยอดปีศาจในตอนนั้นอย่าง Tyrant ซึ่งการทำงานของ T-Virus จะไปรวมตัวกับเซลล์อื่นๆเพื่อผลิตพลังงาน พลังงานที่ผลิตเพียงพอที่จะทำให้เซลล์ประสาทสั่งการและการทำงานของสมองทำงานช้าลง และจะเหลือเพียงความต้องการอาหารเท่านั้น

 

RE18

ถ้าผู้ติดเชื้อที่เป็นมนุษย์รอดจากการติดเชื้อไวรัส หรือมีความเข้ากันได้บางส่วนจะสร้างความเสียหายกับเซลล์ที่เหลือ ผลที่ได้จะเป็น Licker แต่ส่วนใหญ่ไวรัสตัวนี้จะเป็นสารตั้งต้นในการทำ B.O.W. มากกว่า

 

 

 

 

 

Re16
G-Virus
เป็นไวรัสที่แตกสายมาจาก Progenitor Virus ถือเป็นไวรัสอีกสายที่ควบขนานกับ T-Virus โดยคุณสมบัติของ G-Virus คือการทำให้เกิดการกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง โดยมันจะเพิ่มเมตาบอลิซึมในตัวผู้รับไวรัส (ไม่สามารถแพร่เชื้อได้เหมือ T-Virus เพราะการจะติดเชื้อนี้ ต้องทำผ่านทางการฉีดเข้าเส้นเท่านั้น)

ซึ่ง G-Virus จะมีส่วนช่วยเร่งในการสร้างและฟื้นฟูเซลล์ที่ตายแล้ว แต่จะทำลายไมโทคอนเดรียในนิวตรอนของผู้รับไวรัส (เอาภาษาชาวบ้านก็คือการทำลายประสาท และระบบสมองนั่นแหละ) ไวรัสจะสร้างความเสียหายกับเซลล์ที่เหลือ ผลที่ได้จะเป็น Licker อีกสายพันธ์หนึ่งที่อึดถึกทนยิ่งกว่า

RE (6)

ที่เป็นเรื่องขึ้นมาก็เพราะ การโจมตีของหน่วยยาม Umbrella Security Service ที่ตั้งใจจะเข้ามาขโมยG-Virus ตามใบสั่งของบริษัทอัมเบรลล่า ซึ่งดร.เบอร์กินถูกยิงจนอาการบาดเจ็บจนใกล้ตาย เขาจึงฉีดG-Virus แล้วกลายพันธุ์เป็นอสูรกายที่ชื่อ “G-Birkin” และในเวลาเดียวกันนั้น T-Virus หลายขวดที่เก็บอยู่ในกล่องเหล็ก ซึ่งถูกหน่วยยาม USS ขโมยมา ก็แตกกระจายทั่วพื้น และหนูในบริเวณนั้นก็ได้รับเชื้อ T-Virus จนนำไปสู่เรื่องราวมหาวิปโยคของเมืองแรคคูนซิ้ตี้ ที่คนติดเชื้อจากหนูและกลายเป็นซอมบี้นั่นเอง…

 

 

Re (10)

TG-Virus
เป็นการรวมสายพันธุ์ไวรัสของ T-Virus และ G-Virus มารวมกัน หลังจากที่ HUNK จากหน่วย USS ได้ขโมยตัวอย่างG-Virusจาก ดร.เบอร์กิ้น อัมเบรลล่าดำเนินการทดลองลับโดยไม่พึ่งความสามารถของดร.เบอร์กิ้น หรือความเข้าใจ G-Virus อย่างถ่องแท้แต่กลับวิจัยได้อย่างราบรื่นในการรวมข้อมูล สองปีต่อมานักวิจัยของ Umbrella Europe Branch สำเร็จในการทดลองลับ ด้วยการผสมกันระหว่างT-Virus และ G-Virusผลที่ได้เป็นไวร้สชนิดใหม่ที่เรียกกันว่าTG-Virus ซึ่งมีคุณสมบัติแบบรวมเอาข้อดีของสองสายพันธุ์มาใช้งาน แต่มันก็ถูกขโมยไปก่อนโดย Morpheus D. Duvall (มอร์เฟียส ดี ดูวาล)

Re (25)

คุณสมบัติส่งผลชัดเจนมากขึ้นเมื่อ มอร์เฟียส ได้ฉีดมันเข้าไปในร่างตัวเอง ส่งผลให้เขาเปลี่ยนเพศจากชายเป็นหญิง ซึ่งถ้าตัวไวรัสเข้ากับเซลของผู้ติดเชื้อได้ในระดับหนึ่งก็จะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าแรงสูงได้

 

 

 

RE27

T-Veronica Virus

หรือเรียกกันว่า Veronica Virus เป็นไวรัสอีกสายพันธุ์หนึ่งของ Progenitor Virus ถูกสร้างโดย Alexia Ashford ทำให้โฮสต์สามารถใช้สมองอย่างเต็มความสามารถ ชื่อของไวรัสนี้นำมาจาก Veronica Ashford ต้นตระกูลแอชฟอร์ด ในเดือนธันวาคมปี1983  Alexia Ashford ได้ฉีดเชื้อไวรัสชนิดใหม่นี้และจำศีลอยู่ในแคปซูลเป็นเวลาเกือบสิบห้าปีซึ่งเป็นเวลาที่เธอคำนวณว่าเหมาะสมกับการปรับตัวกับไวรัส และตื่นขึ้นมาในเดือนธันวาคมปี1998

จุดสังเกตุของไวรัสชนิดนี้คือ ทุกครั้งการเลื่อนระดับขั้นการลุกลามของไวรัส สติสัมปชัญญะของ Alexia Ashford จะยังอยู่ครบถ้วน แถมยังสามารถควบคุมสัตว์ที่อยู่รอบๆได้อย่างเต็มที่เช่น มด และ ตัวอ่อนคล้ายอะมีบาที่เธอผลิต

Re28
แต่ในขณะเดียวกัน ภาค Resident Evil: The Darkside Chronicles เวสเกอร์ได้นำไวรัสตัวนี้ไปขายให้กับพ่อค้ายา Javier Hidalgo (ฮาเวียร์ ฮิดัลโก้) เพื่อนำไปรักษาเมียรักของเขา Hilda Hidalgo (ฮิลด้า ฮิดัลโก้) แต่ทว่าDNA ของเธอไม่สามารถเข้ากันได้กับไวรัส ทำให้เธอกลายพันธ์

 

RE26

ส่วน Manuela Hidalgo (มานูเอลล่า ฮิดัลโก้) ลูกสาวของเขาได้รับเชื้อนี้โดยไม่รู้ตัว แต่ก็เข้ากันได้กับเชื้อไวรัสนี้ เพราะตัวของมานูเอลล่า ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะจากคนในท้องที่แทบจะทุกปี เพราะฮาเวียร์ไม่อยากเสียลูกไปอีกคน แต่สุดท้ายแล้ว เมื่อลูกสาวรู้ว่าพ่อของตนฆ่าคนอื่นเพื่อให้ตนรอด จึงเกิดอาการรับไม่ได้ และได้ใช้พลังของไวรัสVeronica ทำให้เลือดกลายเป็นไฟ และจัดการกับพ่อในที่สุด

หลังจากนั้น มานูเอลล่าก็ไม่มีผลข้างเคียงจาก Veronica Virus อีกเลย…

 

 

RE (27)

Uroboros

เป็นไวรัสสายปรสิตที่ถูกสร้างโดยอัลเบิร์ต เวสเกอร์ด้วยความช่วยเหลือจาก Excella Gionne (เอ็กเซลล่า จิโอเน่) ซีอีโอของ Tricell Pharmaceutical สาขาแอฟริกา โดยเป็นการยำรวมเอาไวรัสทุกชนิดใส่ลงไป จะเรียกว่า “ไวรัสสูตรมิกซ์เซอร์” ก็คงไม่ผิดนัก โดยไวรัสชนิดนี้มีคนเดียวที่สามารถควบคุม และเอามันอยู่โดยไม่มีการลุกลามได้ก็คือ “Jill Valentine” (จิล วาเลนไทน์) ผู้ที่เคยบุกตามจับตัวลอรน์ดสเปนเซอร์ และพลาดท่า จนในรายงานบันทึกว่าเสียชีวิตไปในปี 2006

 

RE29

เวสเกอร์ ที่ได้ร่างของจิล ก็ได้ทำการรักษาซึ่งระหว่างนั้นเขาก็ค้นพบว่าตัวของจิล มี“แอนติบอดี้”อยู่ในร่างกาย ที่มีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับไวรัส เขามีทฤษฎีว่าจะใช้แอนติบอดี้ทำให้พิษของ Uroboros มีน้อยลง จึงทำให้ผู้ติดเชื้อมีชีวิตอยู่พอที่จะเป็น Bio-Organic Weapon ได้ เขาจึงทำการล้างสมองจิล ด้วยอุปกรณ์ที่หน้าอกของเธอ และหวังว่าจะเก็บเธอไว้เป็นตัวอย่างการทดลองในภายหลัง หลังจากสู้กับคริส และ เชว่ามาแล้ว ก็ทำให้เธอกลับมามีสติอีกครั้ง (เหตุการณ์ช่วงภาค 5)

RE (26)
การลุกลามของเชื้อสามารถทำได้ง่ายมาก เพียงแค่ Uroboros สัมผัสกับเซลล์ของสิ่งมีชีวิตก็สามารถติดเชื้อได้แล้ว ซึ่งถ้าโครงสร้าง DNA ของผู้ติดเชื้อสามารถเข้ากับไวรัสดังกล่าว ก็จะเป็นการรีดประสิทธิภาพของร่างกายมนุษย์ให้อยู่ในระดับซุปเปอร์ฮีโร่ แต่ถ้าไม่เข้ากันแล้ว ก็จะเกิดหนดระยาค์พร้อมกับตุ่มหนองตามร่างกาย และเสียการควบคุมตัวเองไปในที่สุด

ซึ่งเวสเกอร์เองก็คือหนึ่งในผู้ที่รับเชื้อเข้ามาในร่าง ทั้งๆที่ DNA ไม่สามารถเข้ากับไวรัส แต่เพราะมีตัวยา PG67A/W ทำให้เชื้อไม่ลุกลามและกลายพันธุ์นั่นเอง แถมได้พลังยอดมนุษย์เข้ามาด้วย

 

 

Re (31)

T-Abyss Virus
เป็นไวรัสที่ต่อยอดมาจาก T-Virus ในยุคที่บ.Umbrella ล่มสลาย ซึ่งพัฒนาโดยทีมนักวิจัยภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยมงเปอลีเยต์ ประเทศฝรั่งเศส ในปี 2004 ทีมนักวิจัยทางทะเลของมหาวิทยาลัยมงเปอลีเยต์ ได้ค้นพบกับปลาน้ำลึกสายพันธ์ใหม่ ซึ่งปลาตัวนี้อยู่ในสภาวะแรงกดดันสูง มีความว่องไวสูง ซึ่งผิดธรรมชาติ เหล่านักวิจัยจึงได้ทำการจับปลาตัวนั้นมาหาสาเหตุ ซึ่งก็ค้นพบว่าเป้น“ไวรัสสายพันธ์ใหม่” นั่นเอง…

 

Re30

หลังจากนั้น ทางสถาบันวิจัยแผนกเภสัชกรรมบริษัท TriCell ได้ขอเข้ามาสนับสนุนการวิจัยผ่านทางคณะกรรมธิการป้องกันภัยก่อการร้ายอาวุธชีวภาพหรือ Federal Bioterrorism Commission (FBC) โดยมีผู้อำนวยการคือ Morgan Lansdale (มอร์แกน แลนส์เดล) อดีตที่ปรึกษาสหพันธ์เภสัชกรรม (Federation of Pharmaceutical Companies)

 

 

ไม่รู้ว่าไปคุยกันอีท่าไหน เลยได้ตัวอย่าง T-Virus แถมยังได้เรือสำราญสองลำ Queen Zenobia และ Queen Semiramis ที่ถูกดัดแปลงเป็นห้องวิจัย ยึดมาจาก Umbrella มาด้วย โดยหลังจากนี้ ก็จะเป็นเรื่องราวของการโจมตีเมือง Terragrigia ของกลุ่ม Il Veltro ตัวปลอม ของ มอร์แกน แลนส์เดล ซึ่งเป็นเหตุการณ์ของ Resident Evil : Revelation

 

 Re (29)

คุณสมบัติที่เด่นชัดขององ T-Abyss Virus ก็คืออัตราการติดเชื้อ โดยจะอยู่ที่ 99.78 % และไม่สามารถต้านทานการกลายพันธุ์ได้ ด้วยไวรัสจากปลาน้ำลึก ทำให้เกิดกลายพันธุ์อย่างรวดเร็ว กล้ามเนื้อบางส่วนของผู้ติดเชื้อ ก็จะะกลายสภาพเป็นของเหลวเหนียวๆในเบื้องต้น แต่หากทิ้งไว้ระยะเวลาหนึ่ง ก็จะกลับมามีร่างกายที่แข็งแรงกว่าเดิมมาก

 

Re (32)

โดยการกลายพันธ์ของไวรัสชนิดนี้ ต้องมีองค์ประกอบหลักๆคือ ออกซิเจน กับ อุณหภูมิต้องต่ำกว่าอากาศภายนอก และต้องอยู่ในที่ๆแรงกดดันน้ำสูง โดยสิ่งมีชีวิตบนบกที่ได้รับเชื้อ T-Abyss Virus แล้ว จะกลายพันธุ์รวมทั้งมีคุณลักษณะที่มีความคล้ายคลึงกับสัตว์ทะเล

 

 

 

 

C-Virus
มันเป็นไวัรัสที่ถูกสร้างขึ้นมาจากการผสม T-Veronica Virus และ G-Virus ที่ได้จากเลือดของ Sherry Birkin” โดย C-Virusมีความแตกต่างจาก T-Virus ที่ผู้ติดเชื้อยังคงมีสติปัญญาทำให้ผู้ติดเชื้อ สามารถร่วมมือกันโจมตีและใช้อาวุธได้ด้วย

 

Re

ไวรัสตัวนี้ มีการเริ่มพัฒนาในปี 2001 ตามคำสั่งของ “Derek C. Simmons” (ดีเร็ค ซี ซิมมอนส์) ที่ปรึกษาส่วนความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (เป็นทั้งอดีตหัวหน้า The Family แถมยังเป็นผู้มีเอี่ยวกับการบึ้มเมือง Raccoon City ทิ้งอีกด้วย)

Re31Re01

ต่อมา Carla Radames (คาร์ล่า ราดาเมส) ก็ปรับแต่งC-Virusได้ในปี 2013 หลังจากที่จับ “Jake Muller” ลูกชายของเวสเกอร์ได้ เธอก็ใช้เลือดที่สกัดมาจากเขาเพิ่มศักยภาพให้กับไวรัสให้แข็งแกร่งขึ้น และใช้ในการก่อการร้ายในเมือง Lanshiang ในรูปแบบของหมอกและควัน ผู้ที่สูดดมเข้าไปตรงๆจะกลายเป็นผู้ติดเชื้อทันที (เหตุการณ์ใน Resident Evil 6)

 

Re (9)

โดยหลักแล้ว ผู้ที่ติดเชื้อC-Virus จะกลายเป็นซอมบี้ที่มีความคิด และใช้อาวุธได้ด้วย ซึ่งจะถูกเรียกว่า “J’avo” (จู อาโว) พวกมันมีความคิดและจัดระเบียบตัวเองได้ พวกมันมีภาษา และช่องทางการสื่อสารของตัวเอง เช่นการส่งเสียง สัญญาณมือต่างๆ โดยสิ่งที่พวกมันใช้โจมตีนอกจากการกัดข่วนแบบซอมบี้โง่ๆแล้ว พวกมันเชี่ยวชาญอาวุธระยะประชิดเช่นมีดหรือพร้า เช่นเดียวกับอาวุธปืนเช่นปืนกลเบา ปืนไรเฟิล หรือแม้กระทั่งเครื่องยิงจรวด

 

RE32

แต่ในเวลาต่อมาไม่นานนัก รัฐบาลของสหรัฐใช้เลือดของ “Jake Muller” ลูกชายของเวสเกอร์ สร้างวัคซีนป้องกันไวรัส “Anti-C” แต่ก็ยังไม่สำเร็จ 100% ซึ่งทำให้เขาต้องถูกทาง BSAA หรือหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายชีวภาพ จับตาดูอยู่ห่างๆ เพื่อหวังว่าเขาจะเปลี่ยนใจ ยอมช่วยโลกใบนี้นั่นเอง…

 

 

แอดมิน Ak47

 

เครดิตข้อมูลจากเวป

http://residentrazer.blogspot.com/

http://www.crimson-head.com

http://residentevil.org

http://www.residentevil.wikia.com

http://fr.wikipedia.org/wiki

เนื้อหาเสริมจากเกม Resident Evil 6 HD Remaster และถอดความบางส่วนจาก ฉบับนิยายของ เอส. ดี. เพอร์รี ตอน คฤหาสน์มรณะ / เมืองสวรรค์ต้องสาป และ นรกใต้ภิภพ)