Paradox เดือด ซัด ดิบ [รีวิว/เรื่องย่อ/Review/ตัวอย่างหนัง]
06 ตุลาคม 2560 22:00 น.
Share on FacebookTweet about this on TwitterShare on Google+

 

Paradox เดือด ซัด ดิบ 2

Paradox เดือด ซัด ดิบ / SPL3 

ประเภท : ภาพยนตร์ 

แนว : แอคชั่น / กำลังภายใน

ผู้กำกับ : วิลสัน ยิป 

ออกแบบคิวบู๊ : หง จินเป่า

ผู้ผลิต: เจิ้งป๋อไช่

แสดงนำโดย :  กู่เทียนเล่อ / หลอฮุยกวง / หลินเจียต้ง / อู๋เยี่ย /จา พนม /คริส คอลลิน  / วิทยา ปานศรีงาม และ นุ่น ศิรพันธ์ วัฒนจินดา

บริษัทที่ผลิต: Alibaba Pictures, Polybona Films, Flagship Entertainment

ฉาย : 5 ตุลาคม 2017

ตัวอย่าง

Paradox  movie (14)

เป็นหนังฮ่องกงอีกเรื่องที่ยกกองจัดเต็ม มาถ่ายทำในบ้านเรา มีหลายฉากหลายซีนที่เล่าเรื่องราวในเมืองไทย ในอีกด้านที่คุณไม่รู้จัก ทั้งความรุนแรง อาชญกรรม และการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจแบบถึงพริกถึงขิง และการแสดงภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของ “โทนี่ จา” หรือ “จา พนม ทัชชกร ยีรัมย์” นักแสดงขาบู๊ไม่ใช้สลิงไม่ใช้สตั๊นท์ แถมกำกับคิวบู๊โดย หงจินเป่า หนึ่งในสามดาราบู๊คิวทองยุค 80 (เฉินหลง หงจินเป่า หยวนเปียว)กับหนังแฟรนไชส์ SPLภาค 3 ที่ชื่อเรื่องว่า “Paradox”

 

 

เรื่องย่อ

Paradox  movie (7)

เมื่อ “หลี่” (กู่ เทียนเล่อ) เจ้าหน้าที่ตำรวจฮ่องกง ได้เดินทางมายังประเทศไทยเพื่อออกตามหาลูกสาวที่หายไปในระหว่างการมาพักผ่อนที่พัทยา ระหว่างการสืบหาเรื่องราวเขาก็ได้พบกับ ผู้กอง (อู๋เยี่ย) และ “ทักษ์” ตำรวจไทย (โทนี่ จา) ที่ได้ปะติดปะต่อเรื่องราวของคดีนี้ จนสามารถโยงเข้าไปถึงคดีค้าอวัยวะมนุษย์ของ “ซาช่า”มาเฟียอเมริกัน (คริส คอลลิน) 

 Paradox  movie (9)

จากหลักฐานการหายตัวไปของลูกสาวของหลี่ ก็ยังไปเกี่ยวข้องกับคดีของผู้สมัครตำแหน่งผู้ว่าฯกรุงเทพฯ ที่ต้องการปลูกถ่ายหัวใจ และพุ่งเป้าไปยัง “อาเฉิง” ผู้ช่วยของผู้สมัครคนดังกล่าว ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับซาช่าและการหายตัวไปของลูกสาวของหลี่  แต่หลี่ต้องกลายเป็นคนที่ตำรวจต้องการตัว เพราะถูกใส่ความจากการสืบสวนดังกล่าวที่ไปพาดพิงถึงตัวผู้ว่า พวกเขาทั้งสามคน ต่างที่มา จุดประสงค์ที่ต่างกัน แต่ต้องมาทำภารกิจเดียวกัน คือโค่นมาเฟียค้ามนุษย์…เรื่องราวดราม่าสุดเข้มข้นได้เริ่มขึ้นแล้ว

 

Paradox  movie (6)

 

ภาพยนตร์เรื่องนี้ มีความน่าสนใจตรงที่ได้ทีมสร้าง ยิปมันไตรภาค และ SPL มาร่วมวง แน่นอนว่าความโหด และแอคชั่นมันส์ปนดราม่าของหนังสองเรื่องดังกล่าว ก็การันตีได้ว่าเรื่องนี้จะต้องออกมาดีไม่แพ้กัน รวมไปถึงคิวบู๊ที่ได้ หงจินเป่า และ จา พนม ร่วมกันเสนอไอเดียในการสร้างแอคชั่นศิลปะการต่อสู้ และแอคชั่น Gunfight สไตล์หนังฮ่องกงก็ทำให้หนังเรื่องนี้ได้ความมันส์แบบหนังฮ่องกงอีกด้วย

 

paradoc review 001

 

REVIEW : 9/10 Rank A

ความเข้มข้น ดราม่าสุดมืดมนตามแบบหนังฮ่องกงแท้ๆ ฉากแอคชั่นที่มาไม่บ่อย แต่โคตรมันส์ 

 

Paradox  movie (8)

จุดที่ทำให้หนังแฟรนไชส์ SPL มาถึงจุดที่ทำภาคต่อได้คือ “เนื้อหาของหนัง”  โดยใน 2 ภาคแรก เล่นเรื่องราวของความเครียด ความกดดันทั้งจากการตามหาหนอนบ่อนไส้ขององค์กรตำรวจ กลุ่มมาเฟียธุรกิจมืดที่โคตรน่ากลัวและมีเพาเวอร์อย่างชัดเจน และภาคนี้ เป็นภาคที่ “ดาร์ค และมืดมนที่สุดในบรรดาทั้ง 3 ภาค” การเล่าเรื่องจะโฟกัสไปที่การตามหาลูกสาวของหลี่ ที่ค่อยๆเปิดประเด็นว่าลูกหายไปได้ยังไง มาไทยทำไม และ ตัวของ หลี่ ที่แสดงโดยกู่เทียนเล่อ  หันมาสลัดมาดพระเอกอารมณ์ดี มาเล่นดราม่าเครียดโลก ทำได้ดุดันมาก ยิ่งได้ประกบกับ “ผู้กอง” ที่รับบทโดย อู๋เยี่ย ยิ่งทำให้สองคนนี้เคมีตรงกัน เล่นแล้วเชื่อสนิทว่าสองคนนี้เป็นตำรวจ และทั้งสองก็เป็นคุณพ่อ ที่ต้องเดินบนทางแยกของศีลธรรม หน้าที่ และความรับผิดชอบ ได้ถึงแก่นมาก ตัวหนังแม้จะสามารถเดาเส้นเรื่องได้ แต่เราก็ทำใจไม่ได้กับปลายทางของหนังที่ขยี้ และบีบคั้นอารมณ์มาตลอดทั้งเรื่อง

 

Paradox  movie (11)

ภาคที่สามนี้ ยังคงได้ จา พนม มาเป็นนักแสดง แต่เหมือนจะลดสเกลความเด่นลงเพื่อหลีกทางให้เนื้อเรื่องที่หนักหน่วง แถมแอคติ้งแข็งโป๊กเหมือนเดิม (เออ แปลก ดาราขาบู๊ทุ่มเทเล่นส่วนใหญ่แอคติ้งพินาศมาก หรือต้องรอให้แก่ตัวกันก่อน!?) แล้วหนังฮ่องกงพวกนี้แปลกอย่าง คือชอบใช้นักแสดงซ้ำๆ หน้าเดิมๆ มารับบทที่ใกล้เคียงที่เคยเล่นไว้ มันก็จะรู้สึกซ้ำซากไปนิด แถมพี่จา และสคิปท์อื่นๆในเรื่องก็ดูจะยัดความเป็นไทยแบบประดิษฐ์ไปหน่อย เอะอะยังไงก็ยกมือไหว้ไว้ก่อน กลัวไม่รู้ว่าถ่ายในไทยรึยังไง!!

 

ไหนๆก็พูดถึงไอดอลของแอดมินแล้ว ก็ขอเล่าคิวบู๊เลยละกัน ขึ้นชื่อว่า “หงจินเป่า” แล้ว ชื่อนี้ไม่มีผิดหวัง ฉากแอคชั่นดูสนุก สวยงาม และแอบโหดร้ายเกินหนังแอคชั่นกังฟูโลกสวยที่เคยดู ไม่มีพิธีอะไรมาก ซัดคว่ำ จัดยับกันไปข้างหนึ่งเลย! แถมด้วยช่วงท้ายที่เป็นการต่อสู้ของตัวหลี่ ถ่ายทอดการดวลมีดแบบลองเทค เฟรมเดียว ภาพสวยสดคมชัดไม่ไหววูบวาบชวนอ้วก เหมือนหนังเรื่องอื่นๆ มีทั้งความเท่ และดุเดือดจนนั่งไม่ติดเก้าอี้จริงๆ คิอมันไวมากและน่าหวาดเสียว คิวบู๊แน่นเป๊ะมาก  ซาวน์ประกอบเร้าอารมณ์สุดๆ

 

สรุป นี่คือหนังแอคชั่นดราม่าเรื่องเยี่ยมที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง จะหักแคะแนน ก็ไอ้ความเป็นไทยที่ใส่ไปในหนังแบบยัดเยียดเกินงามนั่นละครับ!!

 

แอดมิน Ak47