Apple iPhone 7 & 7 Plus [เปิดตัว/มือถือ/สเปค/ราคา/ลูกเล่นใหม่/ออกใหม่]
09 กันยายน 2559 15:31 น.
Share on FacebookTweet about this on TwitterShare on Google+

Apple iPhone 7

เปิดตัว : ครั้งแรก 8 กันยายน 2016

วันวางจำหน่าย : ไตรมาสที่ 3 ปี 2016 (กันยายน 59)

 

ขนาด : 138.3 × 67.1 × 7.1 mm.

น้ำหนัก : 138 g

 

หน้าจอ : Retina Display 24-bit IPS LCD capacitive touchscreen , Ion-strengthened glass , 16 ล้านสี

ขนาดหน้าจอ : กว้าง 4.7 นิ้ว ความละเอียด 750 x 1334 pixels

 

ชิปประมวลผล : iOS 10 / Chipset : Apple A10 Fusion / CPU : Quad-core / GPU : six-core graphics

แบตเตอรี่ความจุ :

 

ระบบการเชื่อมต่อ : WiFi / Bluetooth 4.2 / GPS / NFC

ช่องเสียบตัวเครื่อง : Micro USB 2.0

หน่วยความจำภายในเครื่อง : 32/128/256GB , RAM 2GB

 

กล้องหลักความละเอียด : 12 MP / พร้อมแฟลช Quad-LED

กล้องหน้าความละเอียด : 7 MP

บันทึกวีดีโอ ภาพเคลื่อนไหว : รูปแบบไฟล์วีดีโอ : MPEG-4

 

เครือข่ายที่รองรับ :

2G : GSM 850 / 900 / 1800 / 1900

3G : HSDPA 850 / 900 / 1700 / 1900 / 2100

4G : LTE band 1(2100), 2(1900), 3(1800), 4(1700/2100), 5(850), 7(2600), 8(900), 12(700), 13(700), 17(700), 18(800), 19(800), 20(800), 25(1900), 26(850), 27(800), 28(700), 29(700), 30(2300), 38(2600), 39(1900), 40(2300), 41(2500)

SIM : Nano-SIM

 

สี : ดำ , ดำเงา , เงิน , ทอง , ทองกุหลาบ

ราคา : 32 GB ราคา $649 (ประมาณ 27,000 บาท)

128 GB ราคา $749 (ประมาณ 30,500 บาท)

256 GB ราคา $849 (ประมาณ 33,900 บาท)

 

Apple iPhone 7 Plus

ขนาด : 158.2 × 77.9 × 7.3 mm.

น้ำหนัก : 188 g

 

หน้าจอ : Retina Display 24-bit IPS LCD capacitive touchscreen , Ion-strengthened glass , 16 ล้านสี

ขนาดหน้าจอ : กว้าง 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 1920 pixels

 

ชิปประมวลผล : iOS 10 / Chipset : Apple A10 Fusion / CPU : Quad-core / GPU : six-core graphics

แบตเตอรี่ความจุ : ยังไม่เป็นที่แน่นอน

 

ระบบการเชื่อมต่อ : WiFi / Bluetooth 4.2 / GPS / NFC

ช่องเสียบตัวเครื่อง : Micro USB 2.0

หน่วยความจำภายในเครื่อง : 32/128/256GB , RAM 2GB

 

กล้องหลักความละเอียด : 12 MP + 12 MP / พร้อมแฟลช Quad-LED

กล้องหน้าความละเอียด : 7 MP

บันทึกวีดีโอ ภาพเคลื่อนไหว : รูปแบบไฟล์วีดีโอ : MPEG-4

 

สี : ดำ , ดำเงา , เงิน , ทอง , ทองกุหลาบ

ราคา : 32 GB ราคา $769 (ประมาณ 31,900 บาท)

128 GB ราคา $869 (ประมาณ 35,300 บาท)

256 GB ราคา $969 (ประมาณ 39,000 บาท)

 

 

 

เจ้านี้ คือ สมาร์ทโฟนจากค่าย Apple ตัวใหม่ล่าสุด ที่พึ่งมีงานแถลงการเปิดตัวกันไปเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2016 ที่ผ่านมา ณ นครซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ของ Apple นี้ ก็คือ iPhone7 และ iPhone7 Plus อย่างที่ใครหลาย ๆ คนคาดการกันเอาไว้ ทาง Apple เตรียมเปิดสั่งจองเครื่องได้ตั้งแต่วันที่ 9 กันยายนนี้ และจะมีกำหนดวางจำหน่ายใน 28 ประเทศ ในวันที่ 16 กันยายนนี้ และจะวางจำหน่ายเพิ่มอีกกว่า 30 ประเทศในสัปดาห์ต่อไป

 

รายชื่อประเทศที่วางจำหน่าย iPhone7 และ 7 Plus เป็นที่แรก

Australia                    Austria

Belgium                     Canada

China                         Denmark

Finland                      France

Germany                   Hong Kong

Ireland                       Italy

Japan                         Luxembourg

Mexico                       Netherlands

New Zealand             Norway

Portugal                     Puerto Rico

Singapore                  Spain

Sweden                      Switzerland

Taiwan                      UAE

United Kingdom      United States

 

 

เรามาดูกันสิว่า เจ้า iPhone7 และ iPhone7 Plus ตัวนี้

จะมีลูกเล่นและฟีเจอร์อะไรที่เพิ่มเติมเข้ามาบ้าง?

เริ่มกันที่ การออกแบบรูปทรงอาจจะไม่ได้แตกต่างจาก iPhone6 หรือ 6 Plus มากมายอะไรนัก แต่ทางผู้ผลิตได้เพิ่มสีใหม่เข้ามา คือ สีดำ (Black) และ สีดำเงา (Jet Black) (จัดว่าเอาใจคนรักสีดำกันเลยทีเดียว) มาต่อกันที่หน้าจอแสดงผลเป็นจอ Retina HD เช่นเคย ตามสไตล์ของ Apple ซึ่งหน้าจอใน iPhone7 และ 7 Plus นี้ จะมีความสว่างที่มากกว่าใน iPhone6 Plus อยู่ประมาณ 25% แสดงผลความละเอียดของสีที่แม่นยำขึ้น ในแบบ Wide-Color Gamut คุณภาพระดับโรงหนังกันเลย แต่ด้วยขนาดของจอทั้ง 2 รุ่น ไม่เท่ากัน การแสดงผลของจอ iPhone7 อาจจะทำได้เพียง HD 750 x 1334 พิกเซล ส่วน iPhone7 Plus จะทำได้ถึง Full HD 1080 x 1920 พิกเซล

 

มาดูสเปคที่คุณจะได้จากเจ้า iPhone7 และ 7 Plus เริ่มที่การชิพการประมวลผลใช้ชิพ A10 Fusion ซึ่งเปชิพตัวใหม่ล่าสุดของทาง Apple ตัวชิพทำงานด้วยระบบ Quad-Core 64-bit โดยการทำงานของ Core ทั้ง 4 ตัวนี้ จะแบ่งเป็น 2 Core แรกจะประมวลผลในการทำงานขั้นสูง อีก 2 Core ที่เหลือจะเป็นตัวที่ทำหน้าประหยัดพลังงาน ซึ่ง Core 2 ตัวหลังจะใช้พลังงานเพียง 1 ใน 5 เท่านั้นเอง ซึ่งชิพ A10 ตัวนี้ จะมีความเร็วในการประมวลผลมากกว่า ชิพ A9 ถึง 40% และถ้าเทียบกับชิพ A8 แล้ว A10 จะเร็วกว่าถึง 2 เท่า ตัวเครื่องมาพร้อมกับระบบประมวลกราฟฟิกแบบ Six-Core Graphics ประมวลผลเร็วเพิ่มขึ้นด้วย RAM 2 GB ระบบปฏิบัติการโฉมใหม่กับ iOS 10 แถมยังจัดหน่วยความจำภายในมาให้ได้เลือกกันอีก 3 ความจุ เริ่มที่ 32GB / 128GB และจบที่ 256GB (แต่ก็อย่างที่รู้ ๆ กันว่า ยิ่งความจุมากยิ่งแพง ก็เลือกตามการใช้งานอย่างเหมาะสมกันนะครับ)

 

คุณภาพกล้องของ iPhone7 และ 7 Plus ให้ความละเอียดกล้องหลังมามากถึง 12 ล้านพิกเซล ภายในกล้องมีเลนส์ซ้อนกัน 6 ชิ้น พร้อมรูรับแสงขนาด f/1.8 จับคู่มากับแฟลช 2 โทน แบบไฟ LED 4 ดวง ซึ่งช่วยเพิ่มความสว่างมากขึ้นถึง 50% แถมยังเพิ่มใส่ระบบกันสั่นแบบ OIS (Optical image stabilization) มาให้จากเดิมที่ฟังก์ชั่นนี้ จะใส่มาให้เฉพาะรุ่น Plus เท่านั้น ทางผู้ผลิตยังเพิ่มชิพประมวลผลสัญญาณภาพ (ISP) เข้าไปใหม่ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพขึ้นเป็น 2 เท่า นอกจากนี้ ยังพัฒนาระบบตรวจจับใบหน้า และร่างกาย , การปรับสมดุลของแสง , ลดเสียงรบกวน และฟังก์ชั่นอื่น ๆ อีกเพียบ ส่วนกล้องหน้าความละเอียดอยู่ที่ 7 ล้านพิกเซล เพิ่มาจากตัวก่อนถึง 5 ล้านพิกเซล การบันทึกภาพเคลื่อนไหวอยู่ที่ความละเอียดระดับ 4K UHD พร้อมระบบกันสั่นแบบ OIS ทาง Apple จับยัดมาให้เท่ากันทั้ง 2 รุ่น แต่ในรุ่นของ 7 Plus กล้องหลังจะเป็นกล้องคู่ มีรูรับแสง 2 รูด้วยกัน ตัวที่1 f/1.8 และ ตัวที่2 f/2.8 กล้องตัวที่ 2 ตัวเลนส์จะเป็นแบบเทเลโฟโต (Telephoto) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลเท่ากัน ด้วยความที่มีกล้อง 2 ตัวเลยทำให้ iPhone7 Plus มีระบบซูมภาพได้สูงสุดถึง 10 เท่าในขณะใช้แอพฯในการถ่ายรูป โดยระยะการซูม 1-5 เท่า จะเป็นการซูมแบบ Optical และเมื่อเกิน 5 เท่าขึ้นไป จะเป็นการซูมแบบ Digital

 

สำหรับลูกเล่น หรือ ฟีเจอร์ใหม่ ๆ ของเจ้า iPhone7 และ 7 Plus ตัวนี้ มีความน่าสนใจอยู่หลายอย่างเลย เริ่มกันที่ปุ่มโฮม (Home) ทาง Apple ออกแบบตัวปุ่มใหม่เพื่อการตอบสนองของการกดที่ดีขึ้น ตัวเครื่องสามารถกันน้ำ และฝุ่นเข้าเครื่องได้ตามมาตรฐาน IP67 ที่บอกว่าป้องกันฝุ่นได้เกือบ 100% และยังสามารถอยู่ในน้ำได้ลึกถึง 15 ซม. – 1 ม. เลยทีเดียว (แต่ถ้าไม่ได้เกิดเหตุอะไรฉุกเฉินที่จะต้องมีความเสี่ยงในการเอามือถือไปจมน้ำก็แนะนำว่าอย่าลองเลยครับ เด่วพังมาจะยุ่ง!!!) เรื่องระบบเสียงลำโพงเป็นแบบ Stereo Speakers 2 จุด บน/ล่าง ส่วนหูฟังของ iPhone7 และ 7 Plus จัดว่าเป็นไฮไลท์เลย ทางผู้ผลิตได้ถอดช่องเสียบแจ๊กหูฟังขนาด 3.5 mm ออก และเปลี่ยนเป็นการเชื่อมต่อแบบไร้สายผ่าน Lightning Port พร้อมกับการเปิดตัวหูฟังแบบไร้สาย Apple AirPods ไปพร้อม ๆ กันอีกด้วย

 

 

Credit : http://www.apple.com/iphone-7/

by Admin Park